อัยการ สั่งฟ้อง 3 คนร้าย ก่อเหตุลอบ วางระเบิดป้าย สตช.-สนง.กลาโหม 11 ข้อหาหนัก ทั้งก่อการร้าย-อั้งยี่ ซ่องโจร แต่ยังปฏิเสธขอสู้คดี ศาลนัดตรวจหลักฐาน 16 ธันวาคม ส่วนพวกอีก 18 คนที่หลบหนี จนท.เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน นายพรชัย ชลวาณิชกุล รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาเปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาสั่งคดีระเบิดป่วนเมืองว่า นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด(อสส.)พิจารณาสำนวนแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา20(คดีที่การกระทำความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรอัยการสูงสุดต้องเป็นผู้สั่งคดี) มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกข้อหา โดยให้อัยการสำนักงานคดีอาญา 6 รับผิดชอบการร่างคำฟ้องคดีและได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหา3คนเป็นจำเลยต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีดังกล่าวพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา6เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายลูไอ แซแง อายุ 22ปี นายวิลดัน มาหะ อายุ 27 ปี และนายมูฮัมมัดอิลฮัม สะอิ อายุ 27ปี ทั้งสามมีภูมิลำเนา จ.นราธิวาส ในความผิดรวม 11 ข้อหา ฐานร่วมกันก่อการร้ายโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ โดยมีความมุ่งหมายสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1, อั้งยี่ ตามมาตรา 209, ซ่องโจร มาตรา 210, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามมาตรา 288, 289 (4), ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น และร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ตามมาตรา 221, 222
ร่วมกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส ตามมาตรา 224 วรรคสอง , ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นและโรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้า ตามมาตรา 221, 222 ประกอบมาตรา 217, 218 , พาอาวุธ (ระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามมาตรา 371, ร่วมกันทำ ใช้ มีไว้ซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ มาตรา 4,38,55,78 และ มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 4,5,15, 42
โดยอัยการระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อระหว่างวันที่31กรกฎาคม-1สิงหาคม จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 18 คนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้สมคบกันเป็นอั้งยี่-ซ่องโจรเข้าเป็นสมาชิกคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีดำเนินการเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง โดยสมคบร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย พยายามฆ่าหรือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เหตุเกิดที่ประเทศมาเลเซีย,อ.ตากใบ จ.นราธิวาสและแขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.เกี่ยวพันกัน
ต่อมา ระหว่างวันที่ 1-2 สิงหาคม เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันก่อการร้ายโดยใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและอันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกายเสรีภาพของผู้อื่น โดยจำเลยกับพวกร่วมกันทำและมีวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง-ระเบิดเพลิงแสวงเครื่อง 7 ลูกที่ประกอบระบบไฟฟ้า ใช้วงจรเวลาจุดระเบิด ประกอบวัตถุระเบิดชนิด PETN ใส่ในกระป๋องมันฝรั่งและกล่องน้ำผลไม้ มีโลหะลูกปรายหรือลูกเหล็กกลมเป็นสะเก็ดระเบิด รัศมีอันตราย 10-15 เมตรจากจุดระเบิด แล้วแยกย้ายแบ่งหน้าที่กันทำนำวัตถุระเบิดไปวางตามสถานที่ราชการ-ทางสาธารณะที่มีผู้สัญจรไปมา รวมทั้งอาคารห้างสรรพสินค้าในเขตท้องที่ กทม.และนนทบุรี โดยวันที่ 1 สิงหาคม พวกจำเลยนำระเบิด 2 ลูก ไปที่ ถ.พระรามที่ 1 หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขตปทุมวัน กทม. แต่ไม่บรรลุผลการระเบิดเนื่องจากมีบุคคลพบเห็นแจ้งให้เจ้าพนักงานเก็บกู้ได้ทัน
ขณะเดียวกัน ระหว่างวันที่ 1-2 สิงหาคม เวลากลางวัน จำเลยกับพวกนำระเบิดไปวางไว้ที่หน้าป้ายชื่อสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถ.ศรีสมาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จนทำให้เกิดระเบิดขึ้นเป็นเหตุให้ป้ายชื่อสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้รับความเสียหาย และช่วงวันดังกล่าว ยังนำระเบิด 4 ลูกไปที่ ถนนศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคาร B รัฐประศาสนภักดี และด้านหน้ารั้ว อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย ถ.แจ้งวัฒนะ ซอย 7 แขวงทุ่งสอง เขตหลักสี่ กทม. ซึ่งเป็นการนำอาวุธไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุสมควร นอกจากนี้จำเลยทั้งสามกับพวก ยังได้ทำการก่อการร้ายแบบนี้ทั้งหมด 47ครั้ง เหตุเกิดที่ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ , แขวงทุ่งสองห้อง เขตแจ้งวัฒนะ กทม., ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดของกลางได้ ระหว่างวันที่ 2-10 สิงหาคม และติดตามจับกุมจำเลยทั้งสามได้ช่วงวันที่ 13 สิงหาคม, 2 กันยายน ชั้นสอบสวนทั้งสามให้การปฏิเสธ
ทั้งนี้ ศาลอาญาประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2913/2562 และวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาได้เบิกตัวจำเลยทั้งสามจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมาสอบคำให้การ โดยทั้งสามให้ปฏิเสธ ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 16 ธันวาคมนี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีนี้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 21 คนจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา โดยยังไม่ได้ตัวมาส่งให้อัยการอีก 18คนที่หลบหนีออกนอกประเทศซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขอศาลอาญาออกหมายจับตั้งแต่วันที่ 17-18กันยายน คดีมีอายุความ 20 ปี
โดยผู้ต้องหา 18 ราย ประกอบด้วย นายอุสมัน ลาเตะ, นายฮาซัน อาแว, นายนัสรู มะประสิทธิ์ , นายฮาแซ แบเล๊าะ, นายมะยูโซะ หะยีสามะ, นายฮากีม ปุนยัง, นายอัสมี อาบูวะ, นายอุสมาน เปาะลอ, นายอัมรี มะมิง , นายศรัทธา อาแว , นายอุสมาน เจ๊ะเต๊ะ, นายสุกรี ดือรามัน, นายมะยากี มะลาชิง, นายมะนูเด็น สามะ, นายมูฮำมัดอาดีลัน สาและ, นายอารีฟ มะเซ็ง, นายซุลกิฟลี มะสาแมง และนายรอแปะอิง อุเซ็ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี