กาหัว21ฆาตกรสังหารหมู่15ศพ
ทัพภาค4ไล่ล่า
แฉพี่น้องตระกูลหลำโซ๊ะหัวโจก
คาดมีถึง40คนร่วมก่อเหตุ
สั่งเตรียมฮ.ไว้พร้อม24ชม.
‘บิ๊กตู่’เติมทหารเข้าไปช่วย
ถกกอ.รมน.เครียดดับไฟใต้
“ประยุทธ์” ประชุม กอ.รมน. สั่งเติมกำลังทหาร เร่งดับไฟใต้ หลังคนร้ายถล่ม ป้อม ชรบ.ที่ ยะลา ดับ 15 ศพ พร้อมผุดกองกำลังท้องถิ่นช่วยสนับสนุน ด้าน กองทัพภาค 4 คาดคนร้ายอาจมีถึง 40 คน กาหัวไว้แล้ว 21 คน ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องตระกูล “หลำโซ๊ะ” คุมตัวไว้ได้แล้ว 1 ราย แม่ทัพภาค 4 สั่งเตรียม ฮ.พร้อม 24 ชั่วโมง เปิด ปฏิบัติการไล่ล่า ทั้งคุ้มครองเข้ม 118 หมู่บ้าน ขณะที่งานศพผู้เสียสละน้ำตานองหน้า ศอ.บต.ช่วยครัวละ 5 แสน
ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้าวันที่ 8 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นประธานการประชุม กอ.รมน. ครั้งที่ 2/2562 ท่ามกลางวิกฤติความไม่สงบในภาคใต้ที่ล่าสุดคนร้ายได้ซุ่มโจมตีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา มีประชาชนเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บ 5 ราย
การประชุมหนนี้นอกเหนือจากรับทราบวาระต่างๆ แล้วมีวาระสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้ อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยเน้น 3 แนวทางปฏิบัติ คือ ด้านยุทธการ เน้นการมีส่วนร่วมประชาชน ใช้กำลังประชาชนดูแลพื้นที่ ทดแทนกำลังทหารรัฐ และการบังคับใช้กฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายใต้การสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ด้านการเมือง มุ่งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ รณรงค์ให้ผู้เห็นต่างจากรัฐ หันกลับมาต่อสู้ตามแนวทางสันติ ออกมารายงานตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย ด้านการพัฒนา มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และตรงตามความต้องการ
บิ๊กตู่บอกยังไม่ประกาศเคอร์ฟิวส์
หลังเสร็จการประชุม กอ.รมน.พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์แบ่งรับแบ่งสู้ถึงข่าวการประกาศเคอร์ฟิวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลา แต่จะกำหนดเวลาให้สั้นที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน สอบสวนทางคดีและเพื่อเป็นการจำกัดพื้นที่ของคนร้ายในช่วงที่มีการไล่ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ โดยยืนยันว่าไม่อยากให้มีผลกระทบต่ออย่างอื่น แต่เป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งหากเราปิดพื้นที่ไม่ได้ ก็จะมีปัญหา
ขณะนี้การสอบสวนมีความคืบหน้า แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่จะไปจับใครก็ได้ ต้องเอาหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุมาติดตาม ซึ่งเราก็มีข้อมูลอยู่แล้ว ทั้งอาวุธปืน กระสุนและปอกกระสุน พร้อมมีข้อมูลอยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มใดและมีกลุ่มใดเกี่ยวข้องบ้างก็จะต้องมาพิจารณาร่วมกัน ขอเวลาอีกหน่อย
สร้างความรุนแรงกดดันรัฐ
เมื่อถามต่อว่า ผู้ก่อเหตุมีการใช้วัตถุระเบิด จะถือเป็นการก่อการร้ายมากกว่าการก่อความไม่สงบได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกเขาใช้กลยุทธ์เช่นนี้ เป็นกลยุทธ์การก่อการร้าย คือการสร้างเหตุความรุนแรงเพื่อกดดันต่อรัฐ และการทำงาน แล้วเราจะไปกดดันกันเพื่ออะไร ในเมื่อรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ด้วยการบังคับใช้กฎหมาย การพัฒนา และสร้างการมีส่วนร่วม เราแก้ปัญหากันอย่างนี้ ไม่ดีกว่าหรือ ส่วนการก่อการร้ายนั้น มีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น การยึดพื้นที่ การใช้ความรุนแรง แต่เหตุการณ์นี้เข้าข่ายแค่ใช้อาวุธสงคราม เพื่อกดดันรัฐ แต่หากเราตีความผิด การแก้ปัญหาก็จะผิดและเหตุการณ์จะรุนแรงขึ้น ท้ายสุดผลกระทบก็จะเกิดกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งวันนี้เราลดระดับผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้มากพอสมควร ประชาชนก็กลับมาให้ความร่วมมือ แม้แต่การบังคับใช้กฎหมายบางตัว ประชาชนก็เห็นด้วย เพราะเขาดูแล้วว่าเกิดประโยชน์กับเขา ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่คนที่มักจะมีปัญหาในเรื่องนี้ คือคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะมองในเรื่องของสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว
เมื่อถามว่าได้รับรายงานการหารือเกี่ยวกับการพูดคุยถึงสันติสุข จากมาเลเซียบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้รับรายงานตลอด ก่อนเขาไป ตนก็ได้ให้นโยบายไป เมื่อเขากลับมา ก็รายงานตน ก็ให้มีการปรับแผนกันไป
ผุดกองกำลังในท้องถิ่น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการใช้กำลังของชรบ. ยังมีความจำเป็นต่อไป ถ้าไม่มีจะทำมาทำไม ซึ่งแต่ก่อนนี้ กำลังตำรวจในพื้นที่ และอาสาสมัครรักษาดินแดง (อส.) มีกำลังไม่เพียงพอ จึงต้องจัดทหารข้างนอกมาช่วย เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เอาทหารกลับ ส่วนตำรวจและทหารในพื้นที่ก็ทำงานปกติไป แต่เมื่อเหตุการณ์ไม่ปกติ ก็จะนำกองกำลังทหารเข้าไปเติม ทุกประเทศก็ทำแบบนี้ และระหว่างนี้เราจะต้องเสริมสร้างกำลังในท้องถิ่นให้มากขึ้น เพราะคนเหล่านี้จะรู้จักพื้นที่และสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี แต่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้นเพราะทางยุทธวิธียังไม่เข้มแข็งพอ ที่ผ่านมามีการฝึกทบทวนมาโดยตลอด
“ผมถามเขาว่าจุดที่เกิด ทำไมไปตั้งฐานปฏิบัติการตรงนั้น เขาบอกมีความจำเป็น เพราะมีหมู่บ้านอยู่กลุ่มหนึ่ง และเขาต้องการไปดูแลประชาชนในหมู่บ้านดังกล่าว เพราะพื้นที่จำกัด เขาจึงไปตั้งกลางสวนยาง ส่วนด้านนอกทัศนวิสัยก็จำกัด มันจึงเปิดโอกาสให้ผู้ก่อเหตุเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งผมได้เตือนไปแล้วว่า ต้องหาวิธีการใหม่และปรับในเชิงกลยุทธ์ ให้มีชุดลาดตระเวนต่างๆ ให้รัดกุมมากขึ้น รวมถึงการป้องกันชายแดน และการลักลอบเข้าออกประเทศ ส่วนนี้ก็ต้องเพิ่มการกวดขัน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯร่วมแสดงความเสียใจ
ขณะเดียวกันพล.อ.ประยุทธ์ในนามของรัฐบาลได้มอบหมายให้พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4 เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจและความห่วงใยต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพล.ท.พรศักดิ์ กล่าวว่าโดยประชาชนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเหล่านี้ล้วนเป็นผู้กล้าหาญ ทำหน้าที่ปกป้องชาติบ้านเมืองจากผู้ไม่ประสงค์ดีให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความสุขสงบและสันติ
พร้อมได้กำชับและสั่งการให้ทุกหน่วยงานร่วมบูรณาการและเร่งรัดการแก้ไขปัญหาในส่วนของตนเองอย่างเต็มกำลังและสุดความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งค้นหาผู้กระทำผิด การวางมาตรการที่เข้มข้นในการปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ทุกเชื้อชาติและศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวและชุมชน การฟื้นฟูและเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้านและชุมชนให้สามารถทำหน้าที่ได้เช่นที่ผ่านมา
แม่ทัพภาค 4ยังระบุว่านายกฯยังขอร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างความรักและความสามัคคีให้มากยิ่งขึ้นการแสดงความรักและความสามัคคีของพี่น้องประชาชน จะเป็นปราการสำคัญในผนึกกำลังปกป้องและดูแลพี่น้องประชาชนทุกคนในพื้นที่ให้ได้รับความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขโดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และทำให้ดีที่สุด
ช่วยครอบครัวละ 5แสน
ก่อนหน้านี้ เมื่อค่ำวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่วัดสิริปุณณาราม (วัดลำพะยา) ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)เป็นประธานในพิธีสวดพระอภิธรรมศพ โดยรัฐบาล และ ศอ.บต.เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพในค่ำคืนแรกแก่ผู้วายชนม์ที่เสียชีวิต จากเหตุการณ์คนร้ายยิงถล่ม “ป้อมลำพะยา” จังหวัดยะลา เมื่อวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562ที่ผ่านมา วัดแห่งนี้ มีผู้วายชนม์ทั้งหมด 9 ศพจาก15 ศพ ตั้งศพบำเพ็ญร่วมกัน ส่วนศพที่เหลือญาติพี่น้องได้ร่วมตั้งศพบำเพ็ญที่วัดต่างๆในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา วัดใกล้บ้านของผู้เสียชีวิต
โดยเลขาธิการ ศอ.บต.ได้พบปะและแสดงความเสียใจตลอดจนให้ขวัญกำลังใจแก่ญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง15รายและศอ.บต.จะมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตรายละ 5 แสนบาทต่อไป
ภ4 สั่งใช้กม.เด็ดขาด-ปัดเคอร์ฟิวส์
วันเดียวกัน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์โฆษก กอ.รมน.ภาค 4ส่วนหน้าเปิดเผยว่าตามที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อต่างๆว่ากองทัพภาคที่4ได้ประกาศเคอร์ฟิวทั่วพื้นที่ เพื่อตามล่ากลุ่มโจร BRN ที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญสังหารหมู่ประชาชน15ศพในช่วงที่ผ่านมานั้น การนำเสนอข่าวดังกล่าวอาจสร้างความสับสนและความตื่นตระหนกแก่พี่น้องประชาชน กอ.รมน.ภาค 4ส่วนหน้า ขอชี้แจงให้ทราบว่าภายหลังเกิดเหตุพล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่4 ผอ.รมน.ภาค 4ได้สั่งการให้บูรณการกำลังเข้าบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
ระบุได้รายชื่อพวกป่วน21ราย
ขณะนี้มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถระบุกลุ่มและตัวบุคคลที่ร่วมก่อเหตุได้แล้วจำนวนหนึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเข้ากดดันและติดตามจับกุมในพื้นที่ต้องสงสัยในหมู่บ้านให้การสนับสนุนพื้นที่ป่าภูเขาช่วงรอยต่อ จ.สงขลาและบ้านเครือญาติ มีการเปิดแผนเข้าติดตาม จับกุม กดดันในทุกพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าเขา ส่วนที่2เข้ากดดันต่อกลุ่มบุคคลเป้าหมายคาดว่าเป็นผู้ที่คอยให้การช่วยเหลือให้การสนับสนุนพาผู้ก่อเหตุหลบหนีรวมถึงหมู่บ้านที่การสนับสนุนและเป้าหมายสุดท้ายก็คือ เป้าหมายบุคคลที่เป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีรายชื่ออยู่แล้วจำนวน21คน จะทำการเข้ากดดันในบ้านของครอบครัวและเครือญาติต่อไป
คุมผู้ต้องสงสัยไว้สอบสวน1ราย
พ.อ.ปราโมทย์กล่าวว่าผลความคืบหน้าล่าสุด ตอนนี้สามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้แล้ว 1ราย เป็นราษฎรในพื้นที่ ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีซึ่งเป็นจุดที่อยู่ติดกับจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิดและเผายางรถยนต์เพื่อสกัดกั้นการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่แกะรอยจนไปควบคุมตัวได้ที่ ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการซักถามที่ศูนย์ซักถามของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เพื่อขยายผลต่อไปยังเครือข่ายกลุ่มที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ต่อไป
ทั้งขอให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบเบาะแสคนร้ายที่คาดว่าน่าจะกระจายไปหลบซ่อนตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ ตรวจพบหลักฐานหลายอย่าง คาดว่าคนร้ายที่เข้าก่อเหตุในครั้งนี้ น่าจะได้รับบาดเจ็บไปจำนวนหลายรายเช่นเดียวกัน หากพี่น้องประชาชนพบบุคคลต้องสงสัย ขอให้แจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบหรือโทรศัพท์มาแจ้งที่ 1341ได้ตลอด24ชั่วโมงสำหรับผู้ที่ให้การช่วยเหลือ สนับสนุนหรือให้ที่พักพิงจะเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกับผู้ก่อเหตุรุนแรง
เผยผู้ต้องสงสัยยอมรับหลายเรื่อง
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่าด้านผู้ต้องสงสัย ที่ได้ควบคุมตัวอยู่ขณะนี้ให้การยอมรับในหลายประเด็น แต่ยังให้การปฏิเสธเรื่องการก่อเหตุรุนแรงครั้งนี้โดยเจ้าหน้าที่มีหลักฐานที่ได้จากที่เกิดเหตุคือ ปลอกกระสุนปืน ทั้งปืนเล็กยาว M16 และปืนอาก้า จากการตรวจพิสูจน์ขั้นต้น นิติวิทยาศาสตร์สามารถที่จะรู้กลุ่มคนร้าย และรู้ตัวบุคคลที่ก่อเหตุในครั้งนี้ได้แล้วหลายคนและสามารถนำไปออกหมายจับ ป.วิ อาญา หลายคนซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่เข้าโจมตีชุดคุ้มครองตำบลปะกาฮารัง ที่ จ.ปัตตานี,กลุ่มเดียวกับที่ปล้นตู้เอทีเอ็มที่มหาวิทยาลัยฟาฏอนีและเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่ปล้นร้านทอง อ.นาทวี จ.สงขลา อีกทั้งยังมีหลักฐานรอยเลือดของคนร้าย คาดว่าได้รับบาดเจ็บรวมทั้งวัตถุพยานอื่นๆเช่นซองกระสุนที่คนร้ายทิ้งไว้ หมวกปีก เป้สนาม ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบสารพันธุกรรม ขอยืนยันว่ากลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มเดิมที่เคลื่อนไหวในรอยต่อของพื้นที่ อ.เมือง จ. ยะลา, อ.โคกโพธิ์ อ.หนองจิก จ.ปัตตานีและ4อำเภอของจังหวัดสงขลา มีการรวมกำลังกันเข้ามา และกระจายกันหลบหนี ไปพักอาศัยตามบ้านของแนวร่วม
อึ้งพบปลอดกระสุนกว่าร้อยนัด
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวว่า จากการตรวจสอบ ยังพบปลอกกระสุนจำนวนกว่า 100 ปลอก ทำให้เชื่อได้ว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 12 คน และอาจจะมากถึง 30-40 คน หากรวมผู้ที่ให้การสนับสนุน , ผู้ที่สกัดกั้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่, ผู้ที่พาหลบหนี, ผู้ที่ให้ที่พักอาศัย หรือผู้ที่นำอาวุธไปเก็บ ซึ่งอาวุธปืนบางส่วนเป็นปืนที่ใช้ก่อเหตุมาแล้ว แต่บางส่วนเป็นปืนที่ยังไม่มีหลักฐานปรากฏ ก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป สำหรับหลักฐานที่ทาง EOD ส่งมาให้มี 3 ชนิดคือ ระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 3 ลูก(ระเบิดทำงาน 1 ลูก ด้าน 2 ลูก) ปลอกกระสุนปืนอาก้า จำนวนหลายปลอก และปลอกกระสุนปืนขนาด 5.56 อีกหลายปลอก และยังไม่มีหลักฐานของการใช้ระเบิด M79 ตามที่เป็นข่าว แต่อย่างใด
ฝีมือกลุ่มตระกูล‘หลำโซ๊ะ’
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าเรื่องกลุ่มที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ ในขณะนี้มีรายชื่อ 21 คน ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องตระกูล หลำโซ๊ะ เป็นแกนนำ ในส่วนที่เหลือ เป็นบุคคลเป้าหมายที่มีหมายจับเกือบทั้งหมด ขอยืนยันว่ากลุ่มที่ใช้ความรุนแรงในห้วงที่ผ่านมา เป็นกลุ่มเดิม เป็นกลุ่มที่มีหมายจับคนละหลายหมาย ซึ่งเรามีการประเมินกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจากฐานข่าวตลอดเวลา นอกจากนี้การ สร้างความเชื่อมั่นและขวัญกำลังใจ ของพี่น้องประชาชนให้กลับคืนมานั้น แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้วางแผนการรักษาความปลอดภัย โดยพิจารณาจากระดับความรุนแรงของพื้นที่เป้าหมาย มีการประเมินความเสี่ยงในการวางกำลัง ในเบื้องต้น 118 หมู่บ้านที่ถือว่าต้องมีการเกาะติดอย่างใกล้ชิด
เตรียม ฮ.พร้อมลุยตลอดเวลา
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่าล่าสุด แม่ทัพภาคที่ 4 ยังสั่งการเพิ่มเติมให้เตรียมเฮลิคอปเตอร์สแตนด์บายสำหรับชุดปฏิบัติการรบพิเศษจู่โจมเคลื่อนที่ทางอากาศ ที่จะสามารถเข้าที่หมายได้เพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ส่วนมาตรการในการรักษาความปลอดภัย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้ปรับแผนให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ทหารเข้าเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ชุมชนให้รัดกุมมากขึ้นเพราะชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.)เป็นเพียงประชาชนจิตอาสาที่เสียสละ อุทิศตนเข้ามาช่วยกันดูแลความปลอดภัยชุมชนตนเอง ไม่ใช่เป็นกองกำลังติดอาวุธฝ่ายพลเรือนดังที่องค์กรแนวร่วมและกลุ่มPerMasนำมาบิดเบือนสร้างความชอบธรรมในการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการBRNดังที่ปรากฏให้เห็นในช่วงที่ผ่านมา
เตรียมเปิดปฏิบัติการไล่ล่า
วันเดียวกัน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พล.ต.ท.โทรณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ประชุมกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุคนร้ายยิงถล่มป้อม ชรบ.บ้านตะวันออก หมู่ 5 ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา จนมีผู้เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บ 5 รายเหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
โดย พล.ต.ท.รณศิลป์ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมซึ่งสอดคล้องกับการแถลงข่าวของโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และว่าจากการพูดคุยกับแม่ทัพภาค 4จะมีการเปิดปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุให้ได้ภายใน 1-2 วันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี