สหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์โคขุนให้ได้มาตรฐาน ยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และสร้างความเชื่อมั่นในตลาดผู้บริโภคโคขุน ภายใต้แบรนด์ “โคขุนหนองสูงมุกดาหาร” ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในรูปแบบครบวงจร
นายประวิทย์ นามเหลา ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า สหกรณ์ฯตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2528 เนื่องจากเกษตรกรประสบปัญหาการประกอบอาชีพ จึงรวมตัวกันตั้งสหกรณ์ฯ เพื่อร่วมแก้ปัญหาด้านเงินทุน โดยการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหมู่สมาชิก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ยึดอาชีพทำนาปลูกข้าว ทำไร่และสวนยางพารา ต่อมาในปี 2543 สหกรณ์ฯได้ส่งเสริมให้สมาชิกหันมาเลี้ยงโคขุนคุณภาพเพื่อเพิ่มรายได้ โดยแบ่งกลุ่มตามห่วงโซ่การผลิตได้แก่ กลุ่มผู้เลี้ยงแม่พันธุ์ กลุ่มผลิตลูกโค กลุ่มผู้เลี้ยงโคขุนและด้านการตลาด ซึ่งแต่เดิมโคขุนจะส่งไปชำแหละที่สหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลาง โพนยางคำ จำกัด จังหวัดสกลนคร ต่อมาเกษตรกรได้หันมาเลี้ยงโคขุนมากขึ้น สหกรณ์ฯจึงสร้างโรงชำแหละของสหกรณ์ฯเอง เมื่อปี 2549 ปัจจุบันมีสมาชิกเลี้ยงโคขุน 1,030 ราย จำนวนโคที่ขึ้นทะเบียนขุน 4,900 ตัวซึ่งนับว่าจำนวนการเลี้ยงโคขุนของสหกรณ์ฯ มีปริมาณสูงเป็นลำดับต้นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และยังมีการเชื่อมโยงธุรกิจกับสหกรณ์ที่เป็นเครือข่ายผู้เลี้ยงโคขุนอีก 25 แห่งใน15 จังหวัด
ปัจจุบันสหกรณ์ฯ มีการส่งเสริมสมาชิกเลี้ยงโคขุนลูกผสมพันธุ์ชาโลเล่แองกัส และวากิล มีกลุ่มผู้เลี้ยงแม่พันธุ์ผลิตลูกกลุ่มเลี้ยงโคก่อนขุน และกลุ่มโคขุนที่ใช้ระยะเวลาการขุนถึง12-18 เดือน และในช่วงขุนโคนี้ ทางสหกรณ์ฯก็จะผลิตอาหารสำหรับใช้ขุนโคจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด 5% เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตของสมาชิก พร้อมกับส่งเสริมให้สมาชิกปลูกพืชอาหารสัตว์ส่งขายสหกรณ์ฯเพื่อนำมาผลิตอาหารโค โดยสหกรณ์ฯจะรับซื้อโคที่ขุนเต็มแล้วและที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสหกรณ์เท่านั้นเพื่อนำเข้าโรงชำแหละแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์ รับซื้อตามคุณภาพของไขมันแทรกเนื้อ โดยแบ่งออกเป็นเกรดต่ำสุด 2.5 ไปจนถึงเกรด 5 สูงสุด ส่งจำหน่ายด้วยระบบขนส่งที่ได้มาตรฐานไปยังตลาดหลักกรุงเทพมหานครเป็นส่วนใหญ่ ร้อยละ 70 และตลาดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 30 ในรูปแบบยกซาก แยกชิ้นส่วน และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย อาทิ เนื้อสเต๊ก เนื้อบด เนื้อกระจก ไส้กรอก เนื้อแดดเดียว เนื้อทุบ และลูกชิ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้า และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งในปีที่ผ่านมามียอดขายทั้งหมด 276 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในอนาคตสหกรณ์ฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจการส่งเสริมการเลี้ยงโคขุนและพัฒนาโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์โคขุนให้ได้มาตรฐาน GMP เพื่อให้สามารถขยายตลาดออกไปยังต่างประเทศได้ซึ่งปัจจุบันสหกรณ์ฯ สามารถส่งเนื้อโคขุนจำหน่ายให้กับตลาดในประเทศปีละ 3,000 ตัว และตั้งเป้าหมายภายในปี 2565 จะขยายธุรกิจ เพิ่มปริมาณการแปรรูปโคขุนเป็น 5,000 ตัวต่อปี พร้อมทั้งส่งเสริมให้สมาชิกเลี้ยงโคขุนพันธุ์ชาโลเล่ลูกผสม พันธุ์แองกัสและวากิลลูกผสม ตลอดจนส่งเสริมให้เลี้ยงโคสีดำเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่ดี และมีไขมันแทรกอยู่ในระดับที่พอเหมาะ
ที่ผ่านมาการดำเนินงานในด้านต่างๆ ของสหกรณ์ฯไม่ว่าจะเป็นการผลิต แปรรูป และการตลาด จำกัด จะได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมปศุสัตว์ ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาให้คำแนะนำและสนับสนุนในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาธุรกิจโคขุนของสหกรณ์ฯจนเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันสมาชิกสหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัดมีอยู่ครอบคลุมเกือบทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจ เพื่อยกระดับแบรนด์ “โคขุนหนองสูงมุกดาหาร” ให้ติดตลาดมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านสายพันธุ์ อาหาร และการจัดการให้ได้คุณภาพ พร้อมกับมีโรงชำแหละมาตรฐาน GMP เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยความสะอาดแก่ผู้บริโภค เป็นการกระตุ้นยอดจำหน่ายให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะต่อยอดขยายฐานตลาดสู่ต่างประเทศ เป็นการนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของสมาชิกและสหกรณ์ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี