หมายจับ‘ชัยวัฒน์’กับพวก
คดีอุ้มฆ่า‘บิลลี’
ฐานความผิด8ข้อหาหนัก
เจ้าตัวยันไม่กังวลไม่หนี
ลั่นพร้อมเดินหน้าสู้คดี
ร้องขอ‘กรวัชร์’ทำคดีต่อ
ศาลอนุมัติหมายจับ “ชัยวัฒน์” กับพวก รวม 4 ราย เอี่ยวคดีอุ้มฆ่า“บิลลี่” เจอหลายข้อหาหนัก ดีเอสไอเตรียมจัดชุดจับกุม ขณะที่เจ้าตัวลั่นไม่กังวล และไม่หนี
พร้อมสู้คดี ส่วนภรรยาบิลลี่และทนาย ยื่นร้อง รมว.ยุติธรรม ขอให้ “พ.ต.ท.กรวัชร์” ทำคดีต่อจนจบ“ผอ.นิติวิทยาศาสตร์” เผยสกัด DNA จากกระดูกได้มาก อยู่ระหว่างเปรียบเทียบดีเอ็นเอบิลลี่ ส่วน“สมศักดิ์”ชี้คดีบิลลี่คืบ 99%
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ได้เรียกประชุมหารือชุดพนักงานสอบสวนคดีฆาตกรรม นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทั้งนี้ ได้พิจารณาพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ และมอบได้มอบหมายพนักงานสอบสวนเดินทางไปยังศาลอาญาเพื่อขออนุมัติหมายจับกุม นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวก รวม 4 ราย
ศาลอนุมัติหมายจับ4ผู้ต้องหาฆ่าบิลลี่
ต่อมาในช่วงบ่าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ต้องหาที่ 1 นายบุญแทน บุษราคำ ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนเสฏฐ์ หรือนายไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 ใน 8 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเสี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย,ร่วมกันมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เช็นว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น, ร่วมกันปลันทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดติดตัวไปด้วยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การขันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 83, 289 (4)(7), 309, 310, 33, 340, 340 ตรี ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 50 ทวิ
และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โตยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 147, 148 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 172
ส่วนผู้ต้องหาคนที่ 4 นายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ไม่ได้เป็นข้าราชการจึงถูกแจ้งข้อกล่าวหาให้การสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว
ดีเอสไอเตรียมถกตั้งชุดจับกุม
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวก รวม 4 ราย ในหลายข้อหา ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียด อย่างไรก็ตามทางดีเอสไอจะเร่งประชุมหารือคณะพนักงานสอบสวน เพื่อเตรียมชุดจับกุม ทั้งนี้หากจะมามอบตัว ดีเอสไอ ก็พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนและให้ความเป็นธรรม
เมียบิลลี่ร้องให้’กรวัชร์’ทำคดีต่อ
ส่วนที่ จ.ราชบุรี นายสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความในฐานะประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นำ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณหรือ มึนอ ภรรยานายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ เข้าพบยื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ขอศาลออกหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 4ราย โดยขอให้รมว.ยุติธรรม เร่งดำเนินการใน 3 ประเด็นขอให้แต่งตั้งหรือมอบหมายให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ รับผิดชอบสอบสวนคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อไป พร้อมให้เร่งรัดให้ออก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และพร้อมให้ออกมาตรการในการคุ้มครองปกป้องนักสิทธิมนุษยชน(white List)เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแล เนื่องจากก่อนหน้านี้กรมคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพ เคยยกร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว
“ที่ดีเอสไอ ขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับยังไม่ใช่ผู้ที่กระทำความผิด เพียงแต่เป็นผู้ที่เจ้าหน้าที่มีข้อมูลที่สงสัยก็ต้องเปิดโอกาสให้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย” นายสุรพงษ์ กล่าว
จี้คนผิดสารภาพ เชื่อกฏแห่งกรรม
ขณะที่ น.ส.พิณนภา กล่าวว่า ดีใจที่พ.ต.ท.กรวัชร์ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นแต่ชาวบ้านบางกลอยต้องการให้พ.ต.ท.กรวัชร์ ทำคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อจนจบจึงต้องการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีคำสั่งให้พ.ต.ท.กรวัชร์ รับผิดชอบคดีดังกล่าวจนกว่าคดีความจะถึงที่สุด ส่วนตัว หลังทราบว่าผู้ต้องหาคดีฆ่านายบิลลี่ ถูกออกหมายจับ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่อยากให้เขารับสารภาพและออกมาขอโทษสังคม กล้ารับผิดชอบ ในสิ่งที่ทำลงไป เรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น หากเกิดกับครอบครัวของผู้ต้องหาเองจะรู้สึกอย่างไร คนที่กล้าทำความผิดก็ควรกล้าออกมายอมรับความผิดที่ตนเองทำ
“อยู่ในหมู่บ้านบางครั้ง ก็กลัว บางครั้งก็ไม่กลัว เมื่อชาวบ้านถามว่าออกมาเรียกร้องสิทธิให้บิลลี่ ไม่กลัวถูกอุ้มหายหรือ ถูกถามแบบนี้ก็รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้คดีมีความคืบหน้าก็ไม่กลัวแล้ว และดีใจที่ดีเอสไอทำให้คดีมีความคืบหน้า แตกต่างจากความรู้สึกเมื่อก่อนที่ไม่มีความหมายอะไรเลย ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะอนุมัติหมายจับหรือไม่ และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็เชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรม” น.ส.พิณนภา ย้ำ
ข่าวดีสกัดDNAจากกระดูกได้มาก
ด้าน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวถึงการตรวจพิสูจน์หาสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ(DNA) จากวัตถุพยานชิ้นกระดูก8ชิ้นที่ดีเอสไองมขึ้นมาจากร่องน้ำลึกในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบเปรียบเทียบดีเอ็นเอจากชิ้นส่วนกระดูก ซึ่งเป็นขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ ยังตอบไม่ได้ว่าดีเอ็นเอที่พบจะเพียงพอและสามารถนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของนายบิลลี่ได้หรือไม่ เบื้องต้นบอกได้เพียงว่าวัตถุพยานสามารถสกัดสารพันธุกรรมได้มากกว่าชิ้นส่วนกะโหลกชิ้นแรก ที่นำไปตรวจสอบเปรียบเทียบไมโทรคอนเดีย ตรงกับนางไพเลาะจี รักจงเจริญ แม่ของนายบิลลี่
นายกฯ”ระบุเรื่องคดีก็ว่ากันไป
วันเดียวกัน ที่ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลั๊ก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดีเอสไอขออนุมัติหมายจับกุมนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและพวกรวม4ราย คดีฆาตกรรม นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยพล.อ.ประยุทธ์ ตอบเพียงสั้นๆว่า “ได้รับรายงานแล้ว ในเรื่องคดีก็ว่ากันไป”
‘สมศักดิ์’มั่นใจ’กรวัชร์’ปิดคดีได้
ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของ”บิลลี่”แกนนำกระเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย และนายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยื่นหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม ขอให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำคดีนายบิลลี่ จนกว่าคดีจะสิ้นสุดว่า เรื่องใด ที่ไม่ผิดกฎหมาย ก็จะทำให้ตามที่ร้องขอทั้งหมด และเชื่อว่าพ.ต.ท.กรวัชร์จะทำงานเสร็จทันตามที่รับปากไว้ 3 เดือน จะครบกำหนดวันที่ 2 ธ.ค.นี้ โดยมั่นใจว่าคดีอาจจะเสร็จก่อนกำหนด
ย้ำคดีฆาตกรรมบิลลี่คืบหน้า 99%
และขณะนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ยังมีตำแหน่งเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯจึงจะขาดจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในช่วงนี้จึงยังดูแลคดีอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้สบายใจได้ ส่วนที่ดีเอสไอไปขออนุมัติหมายจับจากศาลก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ตนไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจของศาลได้
“คดีนี้พ.ต.ท.กรวัชร์ ไม่ใช่พนักงานสอบสวน แต่เป็นผู้บริหารทำหน้าที่กำกับดูแล เหมือนผมเป็นรัฐมนตรีก็แค่กำกับดูแลไม่ได้ลงไปในรายละเอียดหรือชี้ให้ไปซ้ายไปขวา ขณะนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ทำงานเสร็จไปแล้ว 99%คดีไปถึงขั้นขออนุมัติหมายจับจากศาลแล้วหลังจากนี้ เมื่อพ.ต.ท.กรวัชร์เข้ารับตำแหน่งผู้ตรวจราชการฯ ก็ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีขึ้น รอเป็น อธิบดี” รมว.ยุติธรรมกล่าวย้ำ
‘ชัยวัฒน์’โผล่ร่วมรับ‘บิ๊กป้อม’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ระหว่างที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯเดินทางตรวจเยี่ยม อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี มี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้การต้อนรับ ปรากฏว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติป่าแก่งกระจาน และเป็นผู้ต้องหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายจับในคดีอุ้มฆ่าบิลลี่ ได้มาร่วมงานด้วย มีสีหน้ายิ้มแย้มพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อื่นๆตามปกติ
ลั่นไม่กังวล ไม่หนี พร้อมสู้คดี
ด้าน นายชัยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ โดยยืนยันว่าการออกหมายจับ เห็นมีเพียงข่าว แต่เป็นจังหวะที่มารับผู้ใหญ่ ไม่ได้หนีไปไหน เพราะตนก็มีที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง ที่จริงใช้การออกหมายเรียก ก็ได้แล้ว เมื่อออกหมายจับแล้ว ตนก็ยินดีจะไปให้ความร่วมมือเราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็ต้องทำตามกระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกับการที่เอาคนอื่นเข้ากระบวนการยุติธรรม ก็จะได้รู้ว่าใครผิดหรือใครถูก ในเรื่องคดี ตนยืนยันว่าทุกอย่างทำไปตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมาย
“เมื่อเขาออกหมายจับ เราก็พร้อมไปให้ความร่วมมือ และต้องรอดูว่าศาลจะออกหมายจับหรือไม่ ผมไม่ได้กังวล เพราะบอกแล้วว่าไม่ได้ทำและไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ทุกคน ไม่รู้เรื่อง ผมสงสารเจ้าหน้าที่ของผม เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ทุกคนทำตามหน้าที่ อยากให้สังคมเข้าใจว่าพวกผมไม่ได้หนีไปไหน ขอให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม หลักฐานชัดเจนแค่ไหน ก็ให้ว่าไปตามนั้น ไม่อยากให้ที่อะไรที่เป็นเท็จ หรือ ถูกสร้างขึ้นมา”นายชัยวัฒน์ กล่าวย้ำทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี