“ศาลยุติธรรม-สตม.”จับมือลงนาม MOU เชื่อมระบบตรวจสอบ“ผู้ต้องหา-จำเลย”ห้ามออกนอกประเทศแบบเรียลไทม์ หากขัดคำสั่งศาลล็อกตัวทันที ระบุแต่ละปีสถิติศาลห้ามออกนอก 6,000 คดี ตั้งเป้าเชื่อมข้อมูลราชทัณฑ์ตรวจสอบการรับ-ปล่อยผู้ต้องขังอีก
14 พฤศจิกายน 2562 ที่ห้องประชุมสำนักงานศาลยุติธรรม ชั้น 12 ถ.รัชดาภิเษก นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และ พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(รอง ผบช.สตม.) รักษาราชการแทน ผบช.สตม. ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) การเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งห้ามออกนอกราชอาณาจักรโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของทั้ง 2 หน่วยงานให้รวดเร็ว และถูกต้องยิ่งขึ้น
นายสราวุธ กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ ว่า สำนักงานศาลยุติธรรม และ สตม.จะนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ ในการส่งและรับข้อมูลคำสั่งศาลที่ห้ามผู้ต้องหาหรือจำเลย ซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวเดินทางออกนอกราชอาณาจักร รวมถึงคำสั่งศาลที่อนุญาตให้ออกนอกราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราว และการเพิกถอนคำสั่งห้ามออกนอกราชอาณาจักร โดยจะเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวจากระบบฐานข้อมูลของสำนักงานศาลยุติธรรม ผ่านระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ(Government Information Network : GIN) ไปยังระบบฐานข้อมูล BIOMETRICS ของสตม.ที่มีการจัดเก็บและตรวจสอบข้อมูลตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ประจำอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ มีรายชื่อบุคคลที่ต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร รวมทั้งบุคคลที่ได้รับอนุญาตชั่วคราวให้ออกนอกราชอาณาจักร หรือศาลได้เพิกถอนคำสั่งห้ามออกนอกราชอาณาจักรแล้วแบบ real-time ทันทีที่เจ้าหน้าที่ของศาลส่งข้อมูลคำสั่งศาลผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับการออกคำสั่งศาลเรื่องห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่ศาลส่งให้ สตม.ทราบนั้น จากสถิติที่บันทึกแต่ละปีมีประมาณ 6,000 คดี ซึ่งต่อไปนี้หากผู้ต้องหาหรือจำเลยรายใดทำผิดเงื่อนไขในการเดินทางออกนอกประเทศจะมีระบบบันทึกเชื่อมข้อมูลกัน และจะต้องดำเนินกระบวนการทางศาลต่อไปคือการพิจารณาเพิกถอนการประกันตัว การพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ศาลยังตั้งเป้าพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมราชทัณฑ์เต็มรูปแบบ ในการตรวจสอบความถูกต้องการรับ-ปล่อยตัวผู้ต้องขังด้วย
“ข้อมูลแบบ real-time จะทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อใช้ตรวจสอบบุคคลดังกล่าวโดยไม่ก่อให้เกิดข้อขัดข้องในการเดินทาง และสามารถสกัดกั้นการเดินทางหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยศาลได้ทันที” เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า การบูรณาการความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการอำนวยความยุติธรรมและเป็นการให้บริการแก่ประชาชนด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม ทั้งยังส่งเสริมให้การทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และในอนาคตสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงาน ตม.จะร่วมกันศึกษาและพัฒนาปรับปรุงระบบ รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลด้านอื่นๆ ต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันมากขึ้น
ด้าน พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีความยินดี ที่จะให้ความร่วมมือกับสำนักงานศาลยุติธรรม และหน่วยราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ในการเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย 4.0 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้หน่วยราชการพยายามเชื่อมโยงระบบสารสนเทศที่มีอยู่ให้เข้ากัน เพื่อความรวดเร็ว ประหยัด ชัดเจน รวมทั้งการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทุกคน
“ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา จากเดิมที่ใช้การบันทึกลงเพียงกระดาษ และกว่าจะส่งเอกสารก็ใช้เวลา 2-3 วัน” พล.ต.ต.พรชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี