พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต“โก้” ใช้ไม้เบสบอลตีไฮโซสาว “เชอรี่” ดับสยองคาห้องพัก ศาลปรานีลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 37 ปี 4 เดือน สำนึกผิดก้มกราบขอขมาพ่อเหยื่อแต่ถูกเมินไม่ให้อภัย ยื่นอุทธรณ์ขอเพิ่มโทษ
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการเป็นโจทก์ ร่วมกับ นายอำนวย วิชัยโชติ อายุ 68 ปี บิดาของ น.ส.ธิติมา ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ หรือไฮโซเชอรี่ ยื่นฟ้อง นายอัศยา ชัยภา หรือโก้ อายุ 34 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , ทำให้เสียหายซึ่งเอกสารผู้อื่น ตามมาตรา 188 , ใช้บัตรอีเล็กทรอนิกส์ผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อเบิกถอนเงินสดหรือชำระสินค้า ตามมาตรา 269 วรรค 5 และ 7 และข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
ทั้งนี้ อัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 ระบุพฤติการณ์โดยสรุปว่า ระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2561 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้ก่อเหตุใช้ไม้เบสบอลเหล็กขนาดยาว 70 เซนติเมตร ตีศีรษะ ใบหน้า ลำตัว และสะบักขวาของ น.ส.ธิติมา หรือไฮโซเชอรี่ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แฟนสาว หลายครั้งจนเสียชีวิต ภายหลังก่อเหตุ จำเลยได้ลักทรัพย์ของผู้เสียชีวิตเป็นรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ กระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่า 1,080,000 บาท รวมทั้งบัตรเดบิตธนาคารออมสิน ไปใช้เบิกถอนเงินสด หรือชำระสินค้าและบริการ เหตุเกิดในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.ก่อนหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา และถูกจับกุมตัวได้ โดยจำเลยให้การรับสารภาพ
ก่อนที่ศาลจะเบิกตัวจำเลย จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาฟังคำพิพากษา ขณะที่นายอำนวย บิดาของไฮโซเชอร์รี่ ในฐานะโจทก์ร่วม ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาคดีเช่นกัน
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัย จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายหรือไม่ เห็นว่าจำเลยใช้ไม้เบสบอล ซึ่งเป็นท่อนเหล็กขนาดใหญ่ตีศีรษะผู้ตาย เป็นอวัยวะสำคัญ จนทำให้กะโหลกศีรษะแตกหลายเสี่ยง ย่อมเล็งเห็นผลมีเจตนาฆ่า ส่วนที่จำเลยอ้างว่าบันดาลโทสะ เนื่องจากผู้ตายด่าทอและพาดพิงบิดามารดาจำเลย และที่ผ่านมามีปากเสียงทะเลาะวิวาทบ่อยครั้งนั้น ศาลเห็นว่าการบันดาลโทสะต้องเกิดจากการกระทำที่ข่มเหงอย่างร้ายแรง หรือไม่เป็นธรรม ซึ่งในวันเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายอยู่ในห้องด้วยกัน 3 ชั่วโมง เชื่อว่าไม่น่ามีปากเสียงทันทีที่เข้าห้องพักตามที่จำเลยอ้าง กรณีจึงไม่อาจถือว่าผู้ตายข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากความหึงหวง หรือจำเลยขอเงินผู้ตายไปชำระหนี้พนัน เพราะหลังจากเกิดเหตุจำเลยหลบหนีเข้าบ่อนประเทศกัมพูชา การกระทำของจำเลยไม่ใช่เหตุบันดาลโทสะ
ส่วนที่จำเลยใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ตายไปซื้อสินค้าและลักทรัพย์ เมื่อจำเลยถูกจับกุมพบมีทรัพย์สินของผู้ตายหลายรายการ และจำเลยก็ให้การว่า นำเงินไปใช้จ่ายที่ประเทศกัมพูชา ถือเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุกตลอดชีวิต ฐานลักทรัพย์ จำคุก 3 ปี และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน แต่การนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 33 ปี 4 เดือน , ฐานลักทรัพย์ 2 ปี และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ 2 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 37 ปี 4 เดือน ให้ริบของกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา ในระหว่างเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวจำเลย ออกจากห้องพิจารณาคดี กลับไปคุมขังนั้น จำเลยได้ก้มลงกราบขอขมานายอำนวย ที่เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย ขณะที่ นายอำนวย มีท่าทีนิ่งเฉย และเปิดเผยถึงความรู้สึกว่า พอใจในคำพิพากษาระดับหนึ่ง แต่อยากให้คนร้ายได้รับโทษหนักกว่านี้ โดยจะขอยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป โดยไม่ยอมให้อภัย เพราะเป็นการกระทำที่เกินไป ส่วนความเป็นอยู่ของครอบครัวนั้น ที่ผ่านมาก็พยายามทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ทำใจยาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี