กองปราบฯ-ธปท.บุกค้น 5 จังหวัดทลาย “เครือข่ายน้าหลุยส์” หมอดูตาทิพย์ อ้างธนาคารโลก-ธนาคารแห่งประเทศไทย หลอกชาวบ้านร่วมลงทุน 1 พัน ได้ 1 ล้าน เหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก มูลค่าเสียหายกว่า 500 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ กองบังคับการปราบ(บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พร้อม พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน. บก.ป.และนายพฤทธิพงศ์ ศรีมาจันทร์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกฎหมาย ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงประชาชนนำเงินมาลงทุน“เครือข่ายน้าหลุยส์”จำนวน10 คนประกอบด้วย นางพันธุ์ทิพา นัยยทิพย์ หรือ น้าหลุยส์ อายุ66 ปี น.ส.ปรีดาภรณ์ คำหอม อายุ35ปี นายณัฐพงษ์ อำไพ อายุ 53 ปี นางนภาดา แต้มเจริญ อายุ 48 ปี นายสายัณห์ นิราช อายุ 51 ปี นายธนกร สุขสมบูรณ์ อายุ 53 ปี นางชลเทวี อินทโพธิ์ อายุ 57ปี นายละมัย ชูอิ่ม อายุ 54 ปี นายประภาส ศรีวรรณา อายุ 42 ปี นายอุดร ธนะฤกษ์ อายุ 39 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1290-1299/2562 ตามลำดับในข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความเท็จต่อประชาชน,ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”

พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่าสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้นางพันธุ์ทิพาหรือน้าหลุยส์มีพฤติการณ์ตั้งตนเป็นผู้นำจิตวิญญาณ หมอดูไสยศาสตร์อ้างตัวว่ามีตาทิพย์และพลังวิเศษ รักษาอาการป่วย เมื่อเห็นว่าเริ่มมีลูกศิษย์และประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างให้ความเคารพเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มมากขึ้น จึงได้วางแผนหลอกเอาเงินจากประชาชนเหล่านี้ด้วยวิธีการระดมทุนโดยให้ผู้ร่วมขบวนการไปตั้งกลุ่มไลน์ต่างๆขึ้นมาแต่ละกลุ่มจะมีสมาชิก500รายและจะมีแม่ข่ายทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแลแต่ละกลุ่มจากนั้นจึงกุเรื่องว่าประเทศไทยได้รับเงินจากธนาคารโลกมาพัฒนาประเทศและมีคนที่รู้จักกันเป็นคณะทำงานส่วนกลางติดต่อให้เป็นผู้ประสานงานช่วยระดมเงินเงินทุนเพื่อนำไปช่วยเหลือกลุ่มชาวบ้านรากหญ้าที่กำลังยากไร้

“โดยขบวนการดังกล่าวอ้างว่าหากบริจาคเงิน1,000บาท จะได้รับเงินเป็นผลตอบแทนตั้งแต่1ล้านบาทถึง4ล้านบาท พร้อมกับนำเอกสารประกาศเรื่องระบบการปล่อยเงินภายในประเทศ อ้างถึงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ23ล้านล้านบาท ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้ทำการปลอมแปลงขึ้นมาใช้เป็นหลักฐานกล่าวอ้างให้ดูน่าเชื่อถือเมื่อสมาชิกในกลุ่มไลน์หลงเชื่อ นำเงินมาร่วมลงทุน แม่ข่ายแต่ละกลุ่มก็จะทำหน้าที่รวบรวมยอดเงินส่งต่อให้กับน้าหลุยส์ผู้เป็นหัวหน้าขบวนการ เมื่อระยะเวลาผ่านไปหลายปีกลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่อ้างไว้ เมื่อถูกทวงถาม จะอ้างปัญหาต่างๆขึ้นมาเพื่อบ่ายเบี่ยงที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมากมีผู้เสียหายเกือบทั่วประเทศ บางรายกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินมาลงทุนมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท”

พล.ต.ต.จิรภพกล่าวว่าหลังทราบเรื่องได้สั่งการเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมลงพื้นที่สืบหาเบาะแสตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อได้พยานหลักฐานการกระทำผิดของกลุ่มผู้ต้องหาเหล่านี้ชัดเจนจึงขออำนาจศาลออกหมายจับพร้อมนำหมายค้นเข้าตรวจค้นพื้นที่ต่างๆในจ.ฉะเชิงเทรา,นครราชสีมา,ศรีสะเกษ,สมุทรปราการและนนทบุรี จำนวน11จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้พร้อมกับยึดของกลางต่างๆกว่า 200 รายการ ก่อนประสานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อตามอายัดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดที่เหลือต่อไป

ด้านนายพฤทธิพงศ์กล่าวว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้แอบอ้างชื่อธปท.พร้อมทำเอกสารประกาศการปล่อยระบบเงินภายในประเทศ ปี2562 เรื่องเงินสำรองระหว่างประเทศ 23 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นของปลอม โดยมีการปลอมแปลงตราประทับหัวกระดาษ และปลอมลายเซ็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เบื้องต้นได้มีการส่งตัวแทนไปแจ้งความดำเนินคดีฐานปลอมแปลงเอกสารไว้เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเหล่านี้เพิ่มเติม

ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนที่อาจได้รับการติดต่อไม่ว่าทางโทรศัพท์หรือช่องทางอื่นๆจากบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ธปท.โดยแจ้งว่ามีความผิดปกติกับข้อมูลทางการเงินของธนาคารที่ท่านเปิดบัญชีไว้ พร้อมระบุให้โอนเงินเพื่อแก้ไขปัญหานั้นขอให้สันนิษฐานไว้ว่าจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพควรตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนจะดำเนินการใดๆโดยยังติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินที่สายด่วน 1213

ในการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง10 คนยังให้การปฏิเสธพร้อมทั้งอ้างว่ามีโครงการระดมทุนดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจริงเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงทำการแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป.ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป