เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามคดีลิขสิทธิ์โดเรม่อน โดยมี พล.ต.ต.ดิเรก จิตอร่าม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ให้การต้อนรับ
จากนั้น พล.ต.อ.วิระชัย ได้พูดคุยกับผู้เสียหาย คือ นางโสภาพรรณ ปัญยาง และ น.ส.ชญานิส นามไพร ผู้เสียหายคดีลิขสิทธิ์โดเรม่อน โดยผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ และนายพิพล โตตันติกุล ข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ซึ่งผู้เสียหายถูกล่อให้ผลิตกล่องไม้ ติดตัวการ์ตูนรูปโดเรม่อน ซึ่งผู้เสียหายไม่เคยผลิตมาก่อน แต่ถูกล่อให้ผลิต ก่อนที่จะนัดส่งสินค้ากันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ซึ่งภายหลังจากส่งสินค้าและจ่ายเงินเสร็จ จึงแสดงตัวจับกุมอ้างว่ามาจากบริษัทลิขสิทธิ์ และนำตัวมาที่ ชั้น 2 ของ สภ.เมืองมหาสารคาม ก่อนเรียกเงิน 200,000 บาท แต่ตกลงจ่ายเงินกันที่ 50,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2562
ต่อมา วันที่ 12 พ.ย.62 ผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.ท.วุฒิ ศรีวิลัย รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม ให้ดำเนินคดีข้อหากรรโชกทรัพย์ ต่อ นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ และนายพิพล โตตันติกุล ข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ด้วยเห็นจากสื่อสารมวลชนว่าตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ และเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงมาแจ้งความดังกล่าว
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า คดีนี้มีผู้เสียหาย 3 คน ประกอบด้วย นางโสภาพรรณ ปัญยาง , นายชยานันท์ ปัญยาง และ น.ส.ชญานิส นามไพร ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับมีการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ซึ่งในการลงพื้นที่ในวันนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้ได้ออกหมายจับ 2 ราย คือ นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ ชาว จ.นครราชสีมา และนายพิพล โตตันติกุล ชาว กทม.โดยคดีนี้มีอายุความ 10 ปี
ซึ่งคดีนี้เกิดจากการปกป้องสิทธิ์ของตนเองที่ผู้เสียหายเมื่อทราบว่าตนเองถูกล่อให้กระทำผิด จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมูลค่าสินค้าที่ถูกล่อให้ผลิตก็ไม่ได้มาก ราคาไม่กี่ร้อยบาท โดยล่อให้ผู้เสียหายติดภาพตัวการ์ตูนโดเรม่อนที่กล่องไม้ แล้วก็จับกุมตัว ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีการเรียกร้องค่าเสียหาย 200,000 บาท แต่ตกลงกันได้ที่ 50,000 บาท พฤติการณ์ดังกล่าวผู้ที่ไม่ได้เป็นตำรวจ แต่มีการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในข้อหาที่ 1
ข้อหาที่ 2 ตนเองที่เป็นประชาชนไม่มีอำนาจจับกุม และไปจับกุม ถือว่าเป็นการจับกุมโดยไม่ชอบ ไม่มีอำนาจจึงมีความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพและเสรีภาพ ข้อหาที่ 3 เรียกร้องทรัพย์สินเงินทอง ทั้งๆ ที่ผู้ที่ถูกเรียกทรัพย์สินเงินทอง ไม่ได้เป็นผู้ที่กระทำผิดละเมิดลิขสิทธิ์แต่ประการใด และพูดจาข่มขู่ว่าหากไม่จ่ายเงิน จะติดคุก รับราชการไม่ได้ ทำให้ผู้เสียหายนั้นเกรงกลัว ทำให้ต้องจ่ายเงินให้เป็นเงิน 50,000 บาท พฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือเป็นการกรรโชกทรัพย์ มีอัตราโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี และข้อหาที่ 4 คือ แจ้งความเท็จ โดยการอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนกรณีมีการจับกระทงลิขสิทธิ์ที่จังหวัดนครราชสีมา ศาลได้ยกคำร้องไป เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้เพียงพอต่อการพิจารณา ส่วนที่ จ.มหาสารคาม เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า ผู้เสียหายไม่ได้มีการผลิตสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มาก่อน ไม่เคยโพสต์ ไม่ได้ทำ ไม่ได้ขาย แต่กลุ่มผู้ต้องหามาลวงให้ผลิต ให้ทำ ให้ขาย แล้วไปจับกุมตัว ซึ่งชัดเจนว่าถูกล่อให้กระทำผิด จึงต้องลงพื้นที่มาติดตามคดีด้วยตนเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี