เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ถ.นครไชยศรี ศาลนัดพร้อมคู่ความเพื่อสอบถาม กรณีที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หริอดีเอสไอ ยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแก่งกระจาน กับพวกรวม 4 คน คดีฆ่าอำพราง นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่
โดยเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ยื่นคำร้องสรุปว่า เอกสารหลักฐานเป็นคำให้สัมภาษณ์ของนายชัยวัฒน์ เพื่อขอให้ศาลพิจารณาถอนประกันตัวชั่วคราว นายชัยวัฒน์ และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ รวม4คน โดยให้เหตุผลการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนของนายชัยวัฒน์ มีการกล่าวอ้าง ถึงการได้มาซึ่งพยานหลักฐานไม่เป็นความจริงและสร้างพยานหลักฐานเท็จ นอกจากนี้ ยังให้สัมภาษณ์ว่าจะไปสาบานตนที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งอาจส่งผลให้พยานที่อยู่ในพื้นที่เกิดความสับสน จนอาจทำให้พนักงานสอบสวนไม่ได้รับความร่วมมือกับคนในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ขณะเดียวกันฝ่ายนายชัยวัฒน์ และพวก ได้ยื่นคัดค้านคำร้องของดีเอสไอ โดยอ้างว่าการให้สัมภาษณ์เป็นเพียงการอธิบาย แสดงความเห็นโดยสุจริต อีกทั้งตั้งแต่ผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไม่มีใครเข้าไปในพื้นที่ รวมถึง ตำแหน่ง หน้าที่ ปัจจุบันของผู้ต้องหาทั้งหมดไม่มีอำนาจในการสั่งการดำเนินการใดๆ ในพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมกันนี้ในคำคัดค้านของผู้ต้องหาให้สัญญาต่อศาลว่า จะไม่เข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุและไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนอีก
ต่อมาเวลา 16.00 น.ศาลพิเคราะห์คำร้องพร้อมข้อเท็จจริง แล้วมีความเห็นว่า ยังไม่พบพฤติการณ์ของนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และชั้นนี้ยังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะพิจารณาเพิกถอนประกัน หรือการกำหนดเงื่อนไขประกันเพิ่มเติม ศาลจึงให้มีคำสั่งให้ยกคำร้องของดีเอสไอ
ภายหลังนายชัยวัฒน์ ซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้ม ได้เดินลงมาพบกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว พร้อม นายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ทนายความ
โดย นายพรชัย กล่าวถึงกรณีที่แถลงในศาลว่า จะไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่กระทบกับรูปคดี และยืนยันว่าจะไม่เข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พื้นที่เกิดเหตุว่า ตรงนี้เป็นแนวทางของคดีที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน เราก็เคารพการสอบสวน ซึ่งขั้นตอนของคดีก็ยังมีการยื่นคำร้องฝากขัง หลังสรุปสำนวนคดีก็ต้องรอดูอัยการว่าจะมีความเห็นสั่งคดีอย่างไร ส่วนที่มีการสัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีก่อนหน้านี้ก็เป็นใช้สิทธิตามที่ได้แถลงต่อศาลไว้
เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขว่าไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ นายพรชัย กล่าวว่า นายชัยวัฒน์คงจะไม่มีการให้สัมภาษณ์อีกแล้ว เพราะศาลท่านได้เมตตา เช่นเดียวกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ ที่จะไม่ให้สัมภาษณ์เช่นกัน ส่วนแนวทางสู้คดีก็คงต้องดูพยานหลักฐานของดีเอสไอว่ามีเพิ่มเติมอย่างไร ก็คงจะเห็นได้อีกที หากมีการสั่งฟ้องคดีหรือนัดตรวจพยานหลักฐาน ส่วนพยานหลักฐานเราก็เตรียมไว้เบื้องต้น ตามที่ดีเอสไอแจ้งข้อหามา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการนายชัยวัฒน์ ไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ จ.ปัตตานี นั้น นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ที่มีการสั่งให้ตนย้ายไปเป็น ผอ.สำนักฯ ที่ จ.ปัตตานี นั้น อยู่ที่ไหนก็ได้ เป็นข้าราชการก็ต้องทำงานให้ดีที่สุด ขอให้ชาวปัตตานีได้เห็นทำงานก่อน ตนจะทำงานให้ดีที่สุด ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าของกระทรวงทรัพยากรฯ ซึ่งก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะว่าจริงๆ แล้วเป็นข้าราชการ ผู้บริหารสั่งไปไหนก็ต้องไป อย่างที่เคยกล่าวไว้ว่าไม่ได้สั่งให้ไปทุจริต และตนจะไปรายงานตัวช่วงต้นเดือนหน้า ทั้งนี้ ศาลนัดรายงานตัวฝากครั้งอีกครั้งวันที่ 6 ธ.ค.นี้
เมื่อถามว่า การโยกย้ายครั้งนี้เกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของนายบิลลี่หรือไม่ นายชัยวัฒน์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้ ก่อนกล่าวขอบคุณสื่อมวลชน และขอตัวเพื่อเดินทางกลับทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการปล่อยชั่วคราวนายชัยวัฒน์ กับพวก ในชั้นฝากขังนั้น ก่อนหน้านี้ศาลได้กำหนดวงเงินการประกันตัวคนละ 800,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ส่วนของการดำเนินคดีของกลุ่มนายชัยวัฒน์ ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการฝากขังครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 24 พ.ย. - 5 ธ.ค.นี้ โดยสารกำหนดนัดให้นายชัยวัฒน์ กับพวกรวม 4 คน มารายงานตัวอีกครั้งภายหลังครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 2 ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี