หนุ่มวิศวะคอมพ์ ม.ดัง ป่วยซึมเศร้า กระหน่ำแทงแม่ หั่นศพยัดตู้เย็น เพื่อนร่วมงานพบร่างแทบช็อก ส่วนลูกชายยิงตัวเองสาหัสหวังหนีผิด พบป่วยมานานต้องพบแพทย์กินยาตลอด ตร.รอสอบสวนหาปมเหตุ
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 25 พฤศจิกายน ร.ต.อ.นพดล หันภาพ รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม รับแจ้งมีเหตุมีผู้เสียชีวิตสภาพถูกยัดใส่ตู้เย็น ภายในบ้านเลขที่ 17 ซอยท่าข้าม 28 แยก 6 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะเข้าตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัย
เมื่อไปถึงพบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น จากการตรวจสอบภายในตู้เย็นขนาดใหญ่ ยี่ห้อชาร์ป ความจุประมาณ 7.9 คิว ซึ่งวางอยู่ชั้นล่างบริเวณใกล้บันไดทางขึ้นชั้น 2 พบร่างผู้เสียชีวิต สภาพถูกฆ่าตายและแยกชิ้นส่วน มีทั้งการนำมาแช่ทั้งอวัยวะโดยไม่มีวัสดุห่อหุ้ม และนำมาเก็บใส่ถุงพลาสติกขนาดต่างๆ ยัดไว้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นดังกล่าว
จากการตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ยุรีย์ เถาวัลย์ อายุ 42 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับไฟแนนซ์รถยนต์ ถูกฆ่าและหั่นชิ้นส่วนอวัยวะออกเป็น 5 ส่วน ประกอบด้วย ศีรษะตั้งแต่ช่วงคอขึ้นไป , แขนตั้งแต่ช่วงไหล่ขวา , แขนตั้งแต่ช่วงไหล่ซ้าย , บริเวณบั้นเอวลงไปจนถึงขาทั้ง 2 ข้าง และร่างกายส่วนลำตัวซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลถูกของมีคนทิ่มแทงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นับ 10 แห่ง โดยก้อนเนื้อทรวงอกด้านขวาหายไป นอกจากนี้ภายในชักโครกห้องน้ำชั้นล่าง ยังพบอวัยวะภายในอีกหลายชิ้น เจ้าหน้าที่จึงนำร่างและอวัยวะที่พบทั้งหมด ออกมาตรวจสอบในเบื้องต้น ก่อนจะส่งให้ทางนิติเวช รพ.ศิริราช ชันสูตรอย่างละเอียดต่อไป
สำหรับผู้ต้องสงสัยที่ลงมือก่อเหตุฆ่าหั่นศพในยัดใส่ตู้เย็นสุดสยองครั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นบุตรชายของผู้เสียชีวิตเอง ซึ่งพยายามใช้ปืนยิงตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อคือ นายศิระ สมเดช อายุ 20 ปี ปัจจุบันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ โดยก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด .38 ลั่นไกเข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย อาการสาหัส ถูกนำตัวส่ง รพ.นครธน ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งแพทย์ได้พยายามยื้อชีวิตไว้อย่างเต็มที่ แต่อาการยังเป็นตายเท่ากัน
สอบสวน น.ส.วรนุช วงษ์ชัย อายุ 35 ปี เพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต ซึ่งพบศพเป็นคนแรก ให้การว่า ได้ร่วมทำธุรกิจเกี่ยวกับไฟแนนซ์รถยนต์กับผู้เสียชีวิต โดยคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น.ได้พยายามโทรศัพท์หาผู้เสียชีวิตหลายครั้ง เนื่องจากจะคุยงาน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งบ่ายวันเดียวกันนี้จึงเดินทางมาหาที่บ้าน ก็เห็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน 3 กจ 1116 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ เมื่อเข้าไปภายในบ้าน จึงพบนายศิระ บุตรชายผู้เสียชีวิต สวมเครื่องแบบนักศึกษา จึงสอบถามหามารดา เจ้าตัวอ้างว่าไม่เห็น แต่ระหว่างที่พูดคุยกัน ตนก็ทราบว่านายศิระ มีประวัติป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และมักมีปากเสียงกับแม่ตัวเองอยู่เป็นประจำ
น.ส.วรนุช ให้การอีกว่า ที่ผ่านมา เคยสังเกตเห็นนายศิระ มีพฤติกรรมแปลกๆ ประกอบกับกระเป๋าและทรัพย์สินที่ผู้เสียชีวิตใช้ก็ยังวางอยู่ในบ้าน จึงเชื่อว่าน่าจะมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น จากนั้นก็พยายามตะโกนเรียกผู้เสียชีวิต แต่ไม่มีเสียงตอบรับ เมื่อเดินไปเปิดตู้เย็นในช่องแช่แข็งก็ต้องตกใจสุดขีด กับภาพที่เห็น เพราะพบศพผู้เสียชีวิต โดยช่วงนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่นายศิระ ได้หยิบปืนที่ไม่รู้ว่านำมาจากไหน จ่อยิงที่ขมับขวาตัวเองจนล้มลง เมื่อตั้งสติได้ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น
ด้าน พล.ต.ต.โชคชัย กล่าวว่า บ้านหลังนี้มีแค่ผู้เสียชีวิตกับบุตรชายอยู่อาศัยกันแค่ 2 คน มานาน 3 ปีแล้ว เนื่องจากผู้เสียชีวิตกับสามีแยกทางกัน จากการสอบถามญาติๆ ที่เดินทางมาดูศพ ทราบว่านายศิระ ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์มาประมาณ 2 ปี ประกอบกับในบ้านที่เกิดเหตุ ยังพบยารักษาโรคดังกล่าว พร้อมด้วยอุปกรณ์มีดทำครัวซึ่งทำความสะอาดเก็บไว้เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนี้ก็จะประสานให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์ ได้เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนสาเหตุคงต้องรอสอบสวนนายศิระ ในภายหลัง โดยขณะนี้ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี