บอร์ด‘ก.ค.ศ.’เห็นชอบครูโอนย้ายข้ามสังกัดได้ เบรกย้ายกลุ่ม‘รองดอกจัน’เข้าโครงสร้าง
26 พฤศจิกายน 2562 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) 25 ราย ขณะเดียวกันยังพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้อำนวยการ สพท. กว่า 100 ราย แต่ที่ประชุมได้ขอถอนวาระดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากเป็นรองผู้อำนวยการ สพท. ตำแหน่งชั่วคราวและมีเงื่อนไข หรือ “รองดอกจัน” ไปดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะเดิมในตำแหน่งรองผู้อำนวยการ สพท. ตำแหน่งโครงสร้าง ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน จึงขอศึกษารายละเอียดให้รอบด้านก่อน
ขณะเดียวกันยังหารือถึงเรื่องหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารของ ศธ. ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารทุกภาคส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาทุกระดับ จะต้องมีทักษะเบื้องต้นในหลายเรื่องๆ ทั้งภาษาอังกฤษที่สื่อสาร และการใช้เทคโนโลยี การมีความมั่นคงด้านการเงินในระดับหนึ่ง ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเป็นผู้บริหารงาน รวมถึงทักษะอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับความรู้ความสามารถในการบริหารองค์กร เพราะผู้บริหารโรงเรียน และผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษา เป็นบุคคลสำคัญที่จะต้องดูแลบุคลากรจำนวนมาก และการขับเคลื่อนการศึกษาไทยขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้อำนวยการด้วย
รมว.ศธ. ระบุว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังอนุมัติให้สามารถโอนย้ายตำแหน่งระหว่างหน่วยงานภายใน ศธ.ได้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การเรียนสายสามัญ ต่อไปอาจมีนักเรียนจำนวนน้อยลง ขณะที่เราต้องการผลักดันการศึกษาด้านอาชีวศึกษาให้มากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องมีจำนวนครูสายอาชีวะมากขึ้นด้วย รวมถึงต้องยอมรับว่าอัตราเงินเดือนของครูบางสาขา เช่น ธุรกิจการสร้างหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ ดิจิทัล อาจต้องใช้ครูที่มีความรู้พื้นฐาน ทักษะ ความสามารถและผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าการบรรจุในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เบื้องต้นการโอนย้ายจะเป็นการโอนย้ายไปในตำแหน่งที่มีอัตราเกษียณว่างอยู่ เชื่อว่าจะทำให้การทำงานของ ศธ.กระชับและคล่องตัวมากขึ้น เป็นการนำบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาเสริมการสอน
“ในที่ประชุมหารือกันมาก คือ เรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆที่อยากให้มีการวางเกณฑ์ที่ชัดเจนมากขึ้นในอนาคต เช่น แนวทางการวางแผนงานของ ก.ค.ศ. ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญที่สุดของ ศธ. เราจึงต้องนำเรื่องเหล่านี้มาหารือกัน เพื่อชี้แจงให้ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้อำนวยการ สพท. ได้รับรู้ถึงความต้องการพื้นฐาน และการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งจะมีความเข้มข้นมากขึ้น ผมพร้อมจะสนับสนุน และมั่นใจว่าหากเราให้เวลาและใส่ใจในการอบรมพัฒนา เชื่อมั่นว่าผู้บริหารทุกคนสามารถทำได้” นายณัฏฐพล กล่าว
นายณัฏฐพล กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข้อเสนอให้หน่วยงานที่ใช้ครูสามารถกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกได้เองนั้น เรื่องนี้คงต้องมาดูข้อมูลความต้องการต่างๆ เพื่อจะได้ใช้ข้อมูลนั้นมาประกอบการตัดสินใจให้ถูกต้อง โดยผู้บริหารสามารถนำข้อมูลมาเสนอได้ช่วงประมาณต้นเดือนธันวาคม และในอนาคต ก.ค.ศ. ยังคงอยู่ เพราะเป็นหน่วยงานที่สำคัญ เพียงแต่ต้องมีการกระจายอำนาจ เช่น โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ที่จะมีการผลักดันให้เป็นนิติบุคคล เพราะมีความเข้มข้นมากขึ้น โดยจะนำผู้บริหารลงไปศึกษาดูงาน รับฟังปัญหา คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ จะทราบว่าหากจะเพิ่มความเป็นเลิศให้กับโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จะต้องสนับสนุนทั้งการพัฒนาครูและเด็กอย่างไรบ้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี