นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า โครงการธนาคารผลผลิตเกษตรด้านการประมง เป็นหนึ่งในโครงการธนาคารสินค้าเกษตร ที่กรมประมง เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก โดยอาศัยแหล่งน้ำชุมชนเป็นศูนย์กลางบริหารจัดการ จากความร่วมมือของชุมชนเกษตรกร มีระยะเวลาดําเนินโครงการตั้งแต่ ปีงบประมาณ 2560 - 2564 กำหนดเป้าหมายจัดตั้งธนาคาร ปีละประมาณ 20 แห่ง และขยายจนครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ
สำหรับการดำเนินโครงการ จะจัดหาแหล่งน้ำชุมชนแบบระบบปิดที่เหมาะสมตั้งเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีคณะกรรมการประจำแหล่งน้ำ จัดระบบบริหารผลผลิตแบบธนาคาร พัฒนาความรู้ให้ชุมชนและเกษตรกรให้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถบริหารจัดการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมไปถึงจัดการแหล่งน้ำชุมชนให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำจืด เช่น ปล่อยพันธุ์ปลา เสริมสร้างอาหารธรรมชาติเพิ่ม การเพาะพันธุ์ปลา โดยสนับสนุนปัจจัยการผลิต เช่น พันธุ์สัตว์น้ำจืด อาหารสัตว์น้ำ การบริหารจัดการแบบหุ้นส่วนในระบบธนาคาร มีการยืม คืน และปันผลประโยชน์ร่วมกัน
สศก.ประเมินผลโครงการ พบว่า มีการดำเนินงานธนาคารผลผลิตเกษตรด้านการประมง ระหว่างปี 2560 - 2561 พื้นที่ 40 จังหวัด รวม 40 แห่ง ตามเป้าหมาย เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรวม 3,053 ราย คิดเป็น 2.5 เท่า ของเป้าหมาย เกษตรกรจับสัตว์น้ำเพื่อจำหน่ายและบริโภค ได้หลากหลายชนิดมากขึ้น จับสัตว์น้ำได้เฉลี่ย 290 กก./ครัวเรือน/ปี คิดเป็นมูลค่า 17,008 บาท/ครัวเรือน/ปี เพิ่มขึ้น 54 กก. คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 2,898 บาท เมื่อเทียบกับก่อนเข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ ปริมาณสัตว์น้ำในชุมชนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีปริมาณการบริโภคสัตว์น้ำเฉลี่ย 143 กก./ครัวเรือน/ปี คิดเป็นมูลค่า 10,497 บาท/ครัวเรือน/ปี เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 14 กก. หรือ 689 บาท ช่วยลดรายจ่ายจากการซื้อสัตว์น้ำมาบริโภคได้ มีรายจ่ายเฉลี่ย 6,295 บาท/ครัวเรือน/ปี ลดลง 463 บาท เมื่อเทียบกับก่อนเข้าร่วมโครงการ
ด้านนางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามความคิดเห็นเพิ่มเติมของเกษตรกรที่ร่วมโครงการ พบว่า เกษตรกรร้อยละ 93 ยังต้องการใช้บริการของธนาคารต่อไป เนื่องจากเห็นประโยชน์ชัดเจนว่า ช่วยลดรายจ่ายสร้างรายได้ให้ชุมชน อีกทั้ง ได้รับการอบรมความรู้ ในหลักสูตรที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการธนาคารผลผลิตเกษตรด้านการประมง โดยเกษตรกรสามารถนําความรู้ไปใช้บริหารจัดการผลผลิตสัตว์น้ำให้มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของชุมชนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการธนาคารฯ ควรกระตุ้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนช่วยดูแลรักษา ผลผลิตของชุมชน ป้องกันการลักลอบจับสัตว์น้ำ นอกจากนี้ กรมประมง ควรผลักดัน ให้ธนาคารฯดําเนินการได้ด้วยตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารโปรตีนประเภทสัตว์น้ำให้สมาชิก ซึ่งหลังจากนี้โครงการฯจะยังขยายการจัดตั้งธนาคารให้ครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี