อย่างที่ผมเคยเล่าไปแล้วว่าการประชุมที่แอปเตอร์ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยมีอยู่ 3-4 รายการ ปรากฏว่าในช่วงที่ผมเข้ามาทำหน้าที่ เป็น จีเอ็ม หรือ ผู้จัดการทั่วไปนี้ ประเทศที่ถึงจังหวะเป็นเจ้าภาพและผมต้องไปเข้าร่วมทุกปี คือ สิงคโปร์ครับ ประเทศสิงคโปร์ แม้จะเป็นประเทศเล็ก แต่ก็ไม่ยำเกรงต่อกลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่หรือมหาอำนาจต่างๆ ทั้งนี้เป็นเพราะอะไรคงเดาได้ไม่ยาก ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นประเทศที่ร่ำรวยและมีศักยภาพในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจอันดับต้นๆของโลก เวลาออกเสียงหรือแสดงความคิดเห็นอะไร สิงคโปร์จะพูดมาตรงๆ ค้านได้ทันที และหลายกรณีที่ทำให้ประเทศยักษ์ใหญ่เหล่านี้ต้องยอมอาเซียนก็มี
การเป็นเจ้าภาพของสิงคโปร์ เป็นที่ถูกใจของเหล่าบรรดาสมาชิกอาเซียน เพราะเมืองมีความศิวิไลซ์ น่าเดินน่าเที่ยว น่าช็อปปิ้งแม้ว่าค่าครองชีพจะแพงไปหน่อย ค่าโรงแรมก็หนักเอาการ แต่ซื้อข้าวซื้อของกลับราคาถูก แปลกดีนะ และนอกจากจะเดินตามห้างเพื่อจ่ายสตางค์อย่างเพลิดเพลินแล้ว สิงคโปร์ยังเป็นเมืองที่สร้างความแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา ทำให้น่าเดินน่าชมเพิ่มขึ้นไปอีก ก็แน่ละครับ ประเทศเขาเป็นเกาะเล็กนิดเดียว หากไม่สร้างอะไรเพิ่ม จุดขายก็คงไม่มี การท่องเที่ยวในสิงคโปร์ แม้ว่าจะไม่ใช่องค์ประกอบหลักของผลิตภันฑ์มวลรวมประชาชาติ แต่เขาก็ต้องเน้นเพราะการที่มีคนไปท่องเที่ยวมากก็ยิ่งทำให้ประเทศมีความคึกคัก กระตุ้นการไหลเวียนของเงินตรา ซึ่งเอื้ออำนวยให้ประเทศมีระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สิ่งก่อสร้างอันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเยี่ยมชม จึงเกิดใหม่มิได้ขาดและก็รวดเร็วมาก เมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อนสิงคโปร์กับกรุงเทพฯแทบจะไม่มีอะไรต่างกัน
แต่ปัจจุบัน สิงคโปร์เจริญก้าวหน้าขึ้นไปเทียบชั้นเท่าๆ โตเกียวของญี่ปุ่นเลยทีเดียว รถไฟใต้ดิน บนดิน รถเมล์ที่ทันสมัย มีบริการนักเดินทางและนักธุรกิจอย่างพร้อมมูล สะดวกมากกว่ากรุงเทพฯเราเป็นสิบๆ เท่า การที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบายนำมาซึ่งถนนหนทางในเมืองที่โล่ง รถราวิ่งกันได้โดยไม่มีติดขัด สภาพอากาศในเมืองความจริงสิงคโปร์ตั้งอยู่เกือบจะอยู่บนเส้นศูนย์สูตร ซี่งอากาศควรจะร้อนมากกว่าไทยเรา แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เนื่องจากตึกรามบ้านช่องเขามีเขตพื้นที่เว้นว่างเปล่าไม่ได้ติดชิดถนนทั้งสองฟาก แถมยังมีต้นไม้ใหญ่น้อยร่มครึ้มเต็มไปหมด ดอกไม้หลากสีสันเหมือนจัดสวนหย่อมไว้ข้างถนนเกือบจะทุกสาย น่าเดินมากๆ ผมเคยเดินไปนึกไปว่าทำไมประเทศเขาทำสิ่งเหล่านี้ได้ ขณะที่บ้านเรากลับทำไม่ได้ทั้งที่ก็ไม่น่าจะต้องใช้เงินงบประมาณมากมายอะไรนัก ก็คิดไปเล่นๆ อย่างนั้นแหละครับ อันที่จริงก็ทราบดีอยู่แล้วว่าที่ไทยเราทำไม่ได้เพราะอะไร แต่ขอไม่พูดดีกว่าครับ เดี๋ยวคนไม่เห็นด้วยจะไล่ผมไปอยู่ประเทศอื่นเอาน่ะ กลัวจริงๆ ครับ
ระบบการบริหารรัฐกิจของสิงคโปร์ ดูเหมือนจะก้าวหน้ามากจนเป็นระดับโลกไปแล้ว เพราะหลายเรื่องที่รัฐไม่ได้ทำเอง แต่ใช้บริการรัฐวิสาหกิจหรือภาคเอกชนเขามาช่วย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลักษณะเช่นนี้อีกประเทศสมาชิกแอปเตอร์ที่เหมือนกันคือ เกาหลีใต้ครับที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐบาลแต่เป็นบริษัทของรัฐที่ทำหน้าที่เข้าร่วมการประชุมและหรือประสานงานต่างๆ เกี่ยวกับกิจการแอปเตอร์ เขาก็ทำได้ดีมากๆ เสมือนหนึ่งเป็นตัวแทนประเทศที่เป็นข้าราชการเลยทีเดียว
สำหรับการประชุมที่จัดที่สิงคโปร์นั้น พิธีเปิดการประชุมจัดแบบธรรมดามาก ไม่มีรำอวยพรใดๆ งานเลี้ยงของเขาจัดพองาม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทบจะไม่มี สองทุ่มเลิก ใครอยากจะไปต่อที่ไหนไปกันเอง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาไปจัดเลี้ยงที่เกาะเซนโตซ่าอันลือชื่อ กินข้าวกินปลาเสร็จ ก็พาไปชมการแสดงโชว์แสงสีน้ำเต้นระบำที่อยู่ติดกัน คือเจ้าภาพลงทุนซื้อตั๋วให้แขกเข้าไปดูประมาณ 1 ชั่วโมงก็จบ พาขึ้นรถบัสกลับโรงแรม เป็นอันเสร็จพิธี ง่ายดีมากแต่ก็สร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมได้ครับ ปัจจุบันแม้ว่าสิงคโปร์จะไม่ค่อยมีกิจกรรมในส่วนการระบายข้าวกับแอปเตอร์เท่าใดนัก แต่ในเรื่องเอาใจใส่ความเป็นไปของการดำเนินงานแอปเตอร์ เขาไม่ปล่อยไปง่ายๆ นะครับ ทุกเรื่องเขาจะมีคอมเม้นท์ หรือคำถามอยู่ตลอดเวลาครับ ซึ่งก็ช่วยในการพัฒนาระบบการบริหารจัดการของแอปเตอร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี