"เฉลิมชัย"ติดตามความก้าวหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัยหาดใหญ่ พร้อมย้ำ14จังหวัดภาคใต้เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำในฤดูฝน เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามความคืบหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัย อ.หาดใหญ่ (ระยะที่ 2) จ.สงขลา ไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ก่อสร้างประตูระบายน้ำหน้าควน คลองภูมินารถดำริ (คลองระบายน้ำ ร.1) โดยกล่าวว่า ให้ความสำคัญต่อการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยใน อ.หาดใหญ่ อย่างมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ขณะนี้งานก่อสร้างปรับปรุงคลองระบายน้ำ ร.1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำคืบหน้าไปแล้วประมาณร้อยละ 68 อีกทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งวางแผนและเตรียมพร้อมป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในช่วงมรสุม เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งคาดว่าหากเกิดฝนตกหนักเหมือนปี 2553 ขอให้ชาวหาดใหญ่มั่นใจว่าสามารถรับมือได้
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า อ.หาดใหญ่ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งในปี 2531 , 2534 และ 2553 เกิดน้ำท่วมใหญ่ มูลค่าความเสียหายกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นที่มาของการจัดทำโครงการบรรเทาอุทกภัย อ.หาดใหญ่ (ระยะที่ 2) เป็นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำคลองระบายน้ำ ร.1 จากเดิมสามารถระบายน้ำได้ 465 ลบ.ม./วินาที เพิ่มเป็น 1,200 ลบ.ม./วินาที เมื่อรวมกับปริมาณน้ำที่ระบายผ่านคลองอู่ตะเภา ในอัตรา 465 ลบ.ม./วินาที ทำให้สามารถเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำได้สูงสุดรวมกันประมาณ 1,665 ลบ.ม./วินาที ปัจจุบันแม้ว่าคลองระบายน้ำ ร.1 จะยังก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่องค์ประกอบหลัก เช่น ประตูระบายน้ำหน้าควน 2 ซึ่งเป็นจุดที่แบ่งน้ำมาจากคลองอู่ตะเภาก่อสร้างและติดตั้งบานระบายน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถบริหารจัดการน้ำโดยการเปิดปิดบาน เพื่อควบคุมปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าสู่คลองระบายน้ำ ร.1 นอกจากนี้ ยังขุดขยายความกว้างของคลองระบายน้ำ จากเดิมท้องคลองกว้าง 24 เมตร เป็น 70 เมตร พร้อมทั้งก่อสร้างกำแพงคอนกรีต แล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 80 ทำให้คลองระบายน้ำ ร.1 ในปัจจุบันจะสามารถช่วยในการระบายน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ได้สูงสุดประมาณ 1,000 ลบ.ม./วินาที
"หากโครงการบรรเทาอุทกภัย อ.หาดใหญ่ (ระยะที่ 2) แล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขต อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจที่สร้างรายได้หลักที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศได้เป็นอย่างมาก" นายเฉลิมชัย กล่าว
ด้าน นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้กำชับให้โครงการชลประทานทุกแห่งในภาคใต้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พื้นที่ที่มีฝนตกหนักและน้ำท่วมขัง ให้เร่งระบายออกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนตามข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี สำหรับที่ จ.สงขลา ปริมาณฝนสะสม อยู่ที่ 1,402.2 มม.คิดเป็นร้อยละ 71.5 ต่ำกว่าปริมาณฝนเฉลี่ยสะสม 28.5 อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จ.สงขลา มี 3 แห่ง ปริมาณน้ำเก็บกัก 84.161 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 51.554 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 61.26 และสภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำอู่ตะเภาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ตลอดจนมีการวางแผนเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุและป้องกันอุทกภัยในพื้นที่เฝ้าระวัง ทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ จ.สงขลา , จ.ตรัง , จ.พัทลุง และ จ.สตูล ซึ่งจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำไว้อย่างเพียงพอ
ส่วนเหตุที่เกิด จ.นราธิวาส ซึ่งเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ ระหว่างวันที่ 31 พ.ย.ถึงวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา สามารถวัดปริมาณฝนสะสมได้ประมาณ 336 มิลลิเมต รทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลก ปัจจุบัน (6 ธ.ค.62) ที่สถานีวัดน้ำท่า X.119A บริเวณสะพานลันตู อ.สุไหงโก-ลก ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งประมาณ 1.50 เมตร คาดว่าระดับน้ำจะลดต่ำกว่าตลิ่ง ภายในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ และบริเวณคลองตันหยงมัส ที่สถานีวัดน้ำท่า X.73 บ้านตันหยงมัส อ.ระแงะ ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 83 เซนติเมตร ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ ขนาด 8 - 12 นิ้ว 12 เครื่อง เครื่องสูบน้ำ Hydro Flow 5 เครื่อง และเดินเครื่องสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 6 แห่ง 12 เครื่อง
ที่ จ.พัทลุง เกิดฝนตกหนักบริเวณลุ่มน้ำคลองสะพานหยี ในเขต ต.นาโหมด อ.เมือง ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ส่วนลุ่มน้ำคลองท่าแนะ ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน ยังคงมีน้ำท่วมบริเวณวัดล้อ และถนนสายตลาดควนขนุน-แยกโพธิ์ทอง ระดับน้ำสูงประมาณ 20 - 30 เซนติเมตร โครงการชลประทานพัทลุงเตรียมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 12 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 10 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่โดยเร็ว
สำหรับที่ จ.ชุมพร น้ำล้นตลิ่งบริเวณ ต.บ้านควน อ.หลังสวน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังสูงประมาณ 15 - 20 เซนติเมตร บริเวณพื้นที่โรงเรียนชลธารวิทยา และท่วมผิวจราจรทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4134 สูงประมาณ 5 - 10 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 200 เมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำ อ.ทุ่งตะโก น้ำท่วมสูงประมาณ 5 - 10 เซนติเมตร มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 3 ตำบล ได้แก่ หมู่ 3 หมู่ 8 ต.ทุ่งตะไคร , หมู่ 3 ต.ช่องไม้แก้ว , หมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 12 ต.ตะโก ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
"กรมชลประทานยังคงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตลอดจนประสานงานเครือข่ายต่างๆ ในการติดตามสถานการณ์น้ำ 24 ชั่วโมง ตามข้อสั่งการของ รมว.เกษตรฯ โดยบูรณาการกับหลายหน่วยงานในพื้นที่ หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460 ตลอด 24 ชั่วโมง" นายทองเปลว กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี