แรงงานเฮ!
เคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ5-6บ.
จ่อยื่นครม.ให้มีผล1ม.ค.63
บอร์ดค่าจ้างมีมติไฟเขียวเคาะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขึ้น 6 บาท 9 จังหวัด และขึ้น 5 บาททั่วประเทศ พร้อมเตรียมยื่นเสนอ ครม. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 มกราคม 2563 ขณะที่กรมการค้าภายใน เชื่อค่าแรงขึ้นกระทบราคาสินค้าเล็กน้อย ระบุจะติดตาม สถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกันว่าให้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นจำนวน 5- 6 บาท โดยจังหวัดที่ปรับขึ้น 6 บาท มีจำนวน 9 จังหวัด คือ ชลบุรี ภูเก็ต กรุงเทพ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และปราจีนบุรี ส่วนจังหวัดที่เหลือ ได้รับการปรับขึ้นในอัตรา 5 บาท ทั่วประเทศ ส่งผลให้ขณะนี้ค่าจ้างขั้นต่ำแบ่งได้เป็น 10 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มที่มีอัตราสูงสุด คือ ชลบุรี กับ ภูเก็ต อยู่ที่ 336 บาท ส่วนอัตราต่ำสุด คือ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา อยู่ที่ 313 บาท
“อัตราที่ปรับขึ้นนี้ ถือเป็นระดับที่เหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไปสำหรับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ประเมินจากภาพรวมของประเทศ คาดว่าน่าจะสมดุลกับทุกฝ่ายและส่งผลดีกับเศรษฐกิจ หลังจากที่ได้ข้อสรุปทางคณะกรรมการค่าแรงขั้นต่ำจะนำเสนอต่อ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด เพื่อให้อัตราค่าจ้างนี้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 มกราคม 2563” ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าว
มีรายงานข่าวจากการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างกลาง(บอร์ดค่าจ้าง) โดยได้พิจารณาการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำซึ่งที่ประชุมมีมติให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2563ได้ข้อสรุปดังนี้คือ ชลบุรี และ ภูเก็ต จาก 330 บาท ปรับขึ้นเป็น 336 บาท, ระยอง จาก 330 บาท ปรับขึ้น 335 บาท,
กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร จาก 330 บาท ปรับขึ้นเป็น 331 บาท, ฉะเชิงเทรา เท่าเดิมคือ 330 บาท,กระบี่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ตราด นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา พังงา ลพบุรีสงขลา สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย และอุบลราชธานี จากเดิม 320 บาท ปรับขึ้นเป็น 325 บาท
กาฬสินธุ์ จันทบุรี นครนายก มุกดาหาร สกลนคร และสมุทรสงคราม จากเดิม 318 บาท ปรับเพิ่มเป็น 323 บาท,
ปราจีนบุรี จาก 318 บาท ขึ้นเป็น 324 บาท, กาญจนบุรี ชัยนาท นครพนม นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบศีรีขันธ์ พัทลุง พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ พะเยา ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สระแก้ว สุรินทร์ อ่างทอง อุดรธานี และอุตรดิตถ์ จาก 315 บาท ปรับขึ้นเป็น 320 บาท
กำแพงเพชร ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย ตรัง ตาก นครศรีธรรมราช พิจิตร แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลำปาง ลำพูน ศรีสะเกษ สตูล สิงห์บุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อุทัยธานี และ อำนาจเจริญ จากเดิม 310 บาท ปรับเพิ่มเป็น 315 บาท, นราธิวาส ปัตตานี และยะลา จากเดิม 308 บาท ปรับเพิ่มเป็น 313 บาท
ทางด้าน นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หากมีการปรับขึ้นค่าแรงในอัตราดังกล่าวจริง ก็น่าจะกระทบต้นทุนเล็กน้อย เพราะผู้ผลิตส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักร จึงไม่ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก แต่หากผู้ผลิตจะขอปรับราคาต้องมีการพิจารณาต้นทุนว่าสอดคล้องกับราคาที่จะปรับหรือไม่ และกรมการค้าภายในจะติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดขอปรับราคา
ขณะที่ น.ส.ธีราพร ธีรทีป ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้าอาหารสด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากขึ้นค่าแรงในอัตราที่ไม่สูงมาก เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อราคาสินค้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวคาดว่าจะต่อเนื่องถึงปีหน้า ทำให้ประชาชนยังคงระมัดระวังการจับจ่าย โดยราคาสินค้าขณะนี้ส่วนใหญ่ยังทรงตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปีนี้ชะลอตัว ทำให้กำลังซื้อลดลง ผู้ผลิตสินค้าชะลอการปรับขึ้นราคา ขณะที่ผู้ประกอบการมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสูงเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ทำให้มีการแข่งขันสูงมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี