“อัยการ”จัดหนักเตรียมเอกสารกว่า 300 หน้า พยานอีก 369 ปาก มัดมือวางบึ้มป่วนกรุง ทนายจ่อขอย้ายคุกไปคลองเปรมหลังอยู่ในค่ายทหาร ญาติไม่สะดวกโดนทหารประกบ กังวลแอบฟังปรึกษาคดีไม่ส่วนตัวตามสิทธิ
16 ธันวาคม 2562 ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐาน คดีดำ อ.2913/62 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้องนายลูไอ แซแง นายวิลดัน มาหะ และนายมูฮัมมัดอิลฮัม หรือแบลีสะอิ ทั้งสามเป็นชาว จ.ปัตตานี เป็นจำเลยที่ 1-3ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้ายใช้กำลังประทุษร้ายโดยก่อให้เกิดอันตราย อั้งยี่ซ่องโจร ฯลฯ กรณีระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม-1 สิงหาคม 2562 จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 18 คนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ก่อเหตุวางระเบิดหน้าป้าย สตช. ย่านปทุมวัน และหน้าป้ายสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมบริเวณศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ
โดยในวันนี้ศาลได้เบิกตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 จากเรือนจำชั่วคราวทุ่งสองห้อง(ที่คุมขังสำหรับคดีความมั่นคง) พร้อมมีมารดา น้องสาว รวมทั้งกลุ่มเพื่อน ประมาณ 5-6 คน ของจำเลยทั้ง3 มาให้กำลังใจและฟังการพิจารณา
ขณะที่การตรวจพยานหลักฐานวันนี้ อัยการก็ได้นำพยานเอกสาร 368 ชุด พร้อมด้วยพยานวัตถุแผ่นซีดีอีก 14 ชุด มาเสนอต่อศาลโดยมีพยานบุคคลที่จะนำสืบในคดีนี้รวม 369 ปาก ขณะที่โจทก์แถลงว่าในการนำสืบพยานก็จะนำสืบเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุในพื้นที่ 18 จุด ให้ครบทั้งหมดด้วย
อย่างไรก็ตาม นายกิจจา อาลีอิสเฮาะ ทีมทนายความได้แถลงต่อศาลว่า เนื่องจากคดีนี้มีพยานเอกสารจำนวนมาก ซึ่งทนายจำเลยขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน จึงขอให้ศาลเลื่อนนัดตรวจหลักฐานวันนี้ออกไปก่อน
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีมีเหตุสมควรให้เลื่อนตรวจพยานหลักฐานเป็นวันที่ 17 กุมภาพันธ์ และ 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 09.00 น.
ภายหลัง นายกิจจา ทีมทนายจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม เปิดเผยว่า ในวันนี้ศาลได้สอบคำให้การเบื้องต้น จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ โดยจะยื่นเป็นเอกสารต่อไป ส่วนพยานที่ฝ่ายจำเลยจะนำสืบนั้น เนื่องจากขณะนี้ เรายังต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงในพยานเอกสารหลักฐานของโจทก์ก่อนจึงจะสามารถทราบว่าจะนำสืบพยานกี่ปาก ประเด็นใดอย่างไรบ้าง
โดยในวันนี้ตนได้แถลงต่อศาลเรื่องจำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำชั่วคราว ภายในเขตทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ทุ่งสองห้อง ว่าการถูกควบคุมตัวในสถานที่ดังกล่าวทำให้ไม่ได้รับความสะดวกในการที่ทนายความจะไปสอบถามข้อเท็จจริง เพราะสถานที่ดังกล่าวจะมีทหารมาประกบทั้งทางทนายความและจำเลย ทำให้ไม่เป็นส่วนตัว และเกรงว่าจะถูกดักฟังเวลาพูดคุยเรื่องคดีรวมถึงเวลาที่ญาติจะมาเยี่ยมก็จะมีรถทหารไปรับตั้งแต่ปากทางเข้ามา ซึ่งเห็นว่ากรณีดังกล่าวจะไม่เป็นไปตามสิทธิจำเลยตามป.วิ อ. มาตรา 7/1 ที่จำเลยจะพบและปรึกษากับทนายความได้แบบส่วนตัว ดังนั้นวันที่ 17 ธ.ค. ตนพร้อมทนายของจำเลยจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อไต่สวนและมีคำสั่งให้ย้ายตัวจำเลยทั้งหมด จากเรือนจำชั่วคราวมาควบคุมตัวที่เรือนจำคลองเปรม แทน ซึ่งหากศาลรับไต่สวน ตัวจำเลย ทนายความ และญาติก็พร้อมจะมาเบิกความประกอบการไต่สวนต่อไป
ส่วนเรื่องการประกันตัวจำเลยตนให้คำปรึกษากับทางญาติและจำเลยเป็นที่เข้าใจแล้วว่า เนื่องจากข้อหาที่พนักงานอัยการฟ้อง มีหลายข้อหาด้วยกัน ล้วนแต่เป็นมีโทษสูง ทั้งก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ครอบครองวัตถุระเบิด ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ โดยประสบการณ์ที่ผ่านมา คดีลักษณะเช่นนี้การประกันตัวเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ซึ่งหากจะประกันอีกครั้งคงต้องรอจนกว่าศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาว่าเป็นอย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี