กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายสำคัญพัฒนาภาคเกษตรต่อเนื่อง โดยยึดหลัก “ตลาดนำการผลิต” ของรัฐบาลมาปรับใช้วางระบบการผลิตสินค้าเกษตรแต่ละชนิดให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ (Zoning) โดยส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มทำการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ให้เกษตรกร การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิต วางแผนการผลิตให้สอดคล้องความต้องการของตลาด และการบริหารจัดการตลาดที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้กลไกสหกรณ์เป็นปลายทางเชื่อมโยงตลาดรับซื้อผลผลิตในราคาธรรมตามเกณฑ์คุณภาพ เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุดและมีรายได้จากการทำเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น ภาระหนี้สินลดลง
นายสมศักดิ์ แสนศิริ สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า สหกรณ์การเกษตร (สกก.)พรหมพิราม จำกัด จ.พิษณุโลก เป็นหนึ่งในสหกรณ์ที่ได้รับคัดเลือกจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้เป็นสหกรณ์หลักระดับอำเภอ ที่ดำเนินงานได้ประสบผลสำเร็จ ดำเนินธุรกิจเจริญก้าวหน้าต่อเนื่อง ปัจจุบันสหกรณ์มีสมาชิก 3,648 คน มีทุนดำเนินงาน 965,251,237.50 บาท สหกรณ์ดำเนินธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจรวบรวมผลผลิตและแปรรูป ถือเป็นสหกรณ์ที่พร้อมให้บริการแก่สมาชิกและประชาชนทั่วไปแบบครบวงจร โดยยึดโยงแนวนโยบายของรัฐ “ตลาดนำการผลิต” มาปรับใช้วางแผนธุรกิจแผนส่งเสริมอาชีพให้แก่สมาชิกที่ช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อาทิ 1.ส่งเสริมปลูกข้าวพันธุ์ กข43 มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2,800 บาท/ตัน 2.ส่งเสริมผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1,500 บาท/ตัน 3.ส่งเสริมปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2,000 บาท/ตัน และ 4.ส่งเสริมสมาชิกเลี้ยงโคขุนเป็นอาชีพเสริม
สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลกกล่าวอีกว่า การขับเคลื่อนโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ข้าว ในพื้นที่บางระกำโมเดล อยู่ความรับผิดชอบของสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด ได้บูรณาการทำงานกับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯจ.พิษณุโลก เพื่อขับเคลื่อนโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ข้าว ปัจจุบันมีเกษตรกรสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 1,003 ราย จำนวน16 แปลง พื้นที่เพาะปลูกข้าวรวม 19,952.30 ไร่ จำแนกเป็น สายพันธุ์พิษณุโลก 2, กข43, กข49, ขาวดอกมะลิ 105 โดยแบ่งพื้นที่เพาะปลูกข้าวตามรอบการผลิตในฤดูกาลที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งปีที่ผ่านมามีปริมาณรวบรวมผลผลิต 16,701 ตัน มูลค่า 119,089,578 บาท
ด้านนางปิยาพัชร สุจรรยา ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการแปลงและควบคุมการผลิตข้าวให้ได้มาตรฐาน GAP รวบรวมรับซื้อผลผลิตข้าวจากเกษตรกรสมาชิกตามเกณฑ์คุณภาพที่กำหนด เพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์จำหน่ายและส่งขายข้าวเปลือกให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ทำบันทึกข้อตกลงรับซื้อผลผลิตตามที่ได้ MOU ไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งนำมาสีแปรเป็นข้าวสารจำหน่าย ส่วนเงินทุนที่ใช้ดำเนินธุรกิจ สหกรณ์ใช้เงินทุนภายในของตนเอง และเงินทุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่ได้สนับสนุนผ่านเงินกู้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนทางธุรกิจ และรวบรวมรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรสมาชิก
ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด กล่าวอีกว่า สหกรณ์เป็นจุดบริการที่พร้อมด้านอุปกรณ์การตลาดสามารถรวบรวมรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร จากเกษตรกรสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปได้อย่างทั่วถึง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างเครื่องอบลดความชื้น ขนาด 500 ตันต่อวัน จากโครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บผลผลิตทางการเกษตร (แก้มลิง) ปีงบประมาณ 2561 ภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งสหกรณ์ใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์การตลาดที่ได้รับ โดยนำผลผลิตข้าวเปลือกและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับซื้อจากเกษตรกร เข้าเครื่องอบลดความชื้นเก็บรักษาผลผลิตไว้รอจำหน่ายเพิ่มมูลค่าสินค้า
“จากการดำเนินโครงการฯที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรพอใจและเชื่อมั่นระบบบริหารจัดการการผลิตและการตลาดข้าวภายใต้โครงการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่มากขึ้น เพราะมีแหล่งจำหน่ายผลผลิตที่แน่นอนได้ราคาเป็นธรรม ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งสหกรณ์พร้อมเป็นกลไกขับเคลื่อนงานนโยบายของรัฐสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้นต่อไป”นางปิยาพัชร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี