ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่มีเรื่องราวเล่าต่อกันมาในหน้าหนังสือพิมพ์บ้าง ในสังคมออนไลน์บ้างว่า จะมีโครงการผลิตหมอนยางพาราแจกชาวบ้านจำนวน 30 ล้านใบ ใช้งบประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีคนบวกลบคูณหารแล้ว ผลลัพธ์ออกมาว่าหมอนยางพาราที่จะแจกชาวบ้านนี้ตกราคาใบละ 600 บาท
มีคนบวกลบคูณหารอีกเช่นกันบอกว่าหมอนยางพาราผลิตใบเดียวอาจจะใบละ 600 บาทแต่ถ้าผลิต 100 ใบขึ้นไป ราคาจะลดลงเกือบครึ่ง และยิ่งผลิตเป็นหลายสิบล้านใบให้มากที่สุดก็อาจจะตกที่ใบละเพียง 100 บาทเท่านั้น....
ส่วนวิธีการที่จะนำงบประมาณผลิตหมอนยางพารามาจากไหนนั้น ก็เล่าต่อๆกันมาอีกเช่นกันว่า จะให้การยางแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการโดยไปกู้เงิน ธ.ก.ส. มาดำเนินการผลิตหมอนยางพารา และใช้วิธีการออกสลากการกุศล ใช้เวลาประมาณ 1 ปี นำเงินมาคืน ธ.ก.ส. ส่วนหมอนที่ผลิตนั้นก็แจกประชาชนเดือนละ 3 ล้านใบ เป้าหมายของโครงการนี้คือการดึงยางพาราออกจากตลาดได้ 1.5 แสนตัน ซึ่งจะส่งผลให้ราคายางขยับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 65 บาท ซึ่งมีคนคัดค้านว่า ปริมาณยางที่ดึงออกจากระบบไปเพียงเท่านี้ไม่น่าจะมีผลให้ราคายางขึ้นมามากมายขนาดนั้น....
ทำไมต้องเป็นหมอนยางพารา คงต้องไปถามเจ้าของความคิดนี้กันเอาเอง....
รู้แต่ว่าหมอนยางพารา เป็นหมอนเพื่อสุขภาพ ผลิตจากยางธรรมชาติ มีความนุ่ม มีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีสารเคมีตกค้าง ไม่เป็นที่เกาะอาศัยของไรฝุ่น หรือแบคทีเรียซึ่งเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค มีปุ่มนวดเวลาหนุนจึงช่วยในการไหลเวียนโลหิต ลดการนอนกรนได้ ทำความสะอาดง่าย สามารถซักได้ด้วยเครื่องซักผ้า และปั่นแห้งได้ มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรตากแดด
อุตสาหกรรมผลิตหมอนยางพารามีมานานเกือบ 50 ปีแล้ว แต่มีผู้ผลิตเพียงไม่กี่ราย จนกระทั่งยางพาราประสบภาวะราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง จึงมีการรวมกลุ่มกันแก้ปัญหาราคายางตกต่ำด้วยการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆและหนึ่งในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นคือ หมอนยางพารา ซึ่งการรวมกลุ่มนั้นมีทั้งวิสาหกิจชุมชน และ กลุ่มสหกรณ์ ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ และการทำตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีน
ขณะเดียวกันก็มีโรงงานผลิตหมอนยางพาราในลักษณะอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมาอีกไม่น้อย และตลาดของหมอนยางพารายังไม่มีปัญหาทั้งในและต่างประเทศ โดยโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ๆ จะมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มิได้มีเฉพาะหมอน แต่ยังมีที่นอน เครื่องนอนสำหรับเด็ก เบาะรองนั่ง อาสนสงฆ์ และหมอนรองคอ เป็นต้น
โครงการแจกหมอนยางพาราจะดำเนินต่อหรือพักไว้ก่อน ต้องรอดูกันต่อไป คนคิดโครงการคงต้องคิดให้รอบคอบถึงผลได้ผลเสีย ผลกระทบกับอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอยู่แล้วในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์เคยนั่งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกันถึงมาตรการช่วยแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ อันเป็นนโยบายสำคัญที่พรรคประชาธิปัตย์เคยประกาศไว้ตอนหาเสียงว่าจะต้องแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำให้ได้โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ คุยว่าได้ไปเปิดตลาดยางที่อินเดีย 100,000 ตัน มูลค่า 7.5 พันล้านบาท นอกจากนี้การยางแห่งประเทศไทย ยังสามารถเจรจาขายยางSTR20 ให้กับบริษัทเอกชนของจีน และบริษัทเอกชนของฮ่องกง มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางอีกหลายมาตรการ มาตรการแรกคือ การประกันรายได้ชาวสวนยาง สำหรับยางพาราอายุ 7 ปีขึ้นไป ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ในราคาประกัน ยางแผ่นดิบราคากิโลกรัมละ 60 บาท น้ำยางสดราคากิโลกรัมละ 57 บาท ยางก้อนถ้วยราคากิโลกรัมละ 23 บาท ซึ่งได้ทยอยโอนเงินส่วนต่างของราคาประกันกับราคาที่เกษตรกรขายได้ให้เกษตรกรไปแล้วงวดแรก เม่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 และจะโอนอีก 2 งวด คือ 1 มกราคม และ 1 มีนาคม 2563
มีมาตรการเสริม 11 โครงการ ใช้งบประมาณรวมเกือบ 2 แสนล้านบาท เช่น โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกร เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมหรือรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยาง โครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรเพื่อแปรรูปยางพารา โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการซึ่งใช้ยางแห้งเพื่อดูดซับยางออกจากระบบ
โครงการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยางโดยเป้าหมายเน้นการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่มีมูลค่าสูง เช่น ถุงมือยาง ยางยืด ยางล้อ ยางที่ใช้ในงานวิศวกรรม และอื่นๆ โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ไร่ละ 1,800 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ โดยเป็นของเจ้าของสวน 1,100 บาท และเป็นของคนกรีดยาง 700 บาท และโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร สร้างถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ ทั่วประเทศจำนวน 75,032 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 กิโลเมตร เป็นต้น
มาตรการเหล่านี้ ถ้ายังไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาราคายางตกต่ำได้ การทำหมอนยางพาราแจกประชาชน 30 ล้านใบ ก็คงช่วยแก้ปัญหาราคายางไม่ได้ นอกจากจะทำให้ประชาชนมีหมอนเพื่อสุขภาพไปนอนหนุนเล่นเย็นๆ ใจเท่านั้น.....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี