เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2562 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับปัญหาการค้ามนุษย์ที่มีความรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น และในบางกรณีมีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมระหว่างประเทศ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากปัญหาความยากจน จึงตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์และอาชญากรรมประเภทอื่น ๆ รวมไปถึงตกเป็นหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างสังคมและระบบเศรษฐกิจอย่างมหาศาล กรมสอบสวนคดีพิเศษตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้มุ่งมั่นในการสืบสวน สอบสวน ป้องกัน และปราบปรามคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษต่าง ๆ ตลอดจนเร่งรัดการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและลดความเหลื่อมล้ำของสังคมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กฎหมายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับผิดชอบในกลุ่มคดีด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ ประกอบด้วย ความผิดอาญาเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว, การกระทำผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ, การค้ามนุษย์, การกระทำผิดที่เป็นองค์กรอาชญากรรม หรืออาชญากรรมข้ามชาติที่สำคัญ และคดีที่กระทบต่อความมั่นคงประเทศ โดยในห้วงปี 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษมีผลการดำเนินคดีด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษที่สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 58 คดี มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 8,280.59 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยคดีสำคัญ ดังนี้
(1) คดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก - บางกลอย จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันกระทําความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 จึงได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดําเนินการ และเนื่องจากมีการกระทำความผิดฐานอื่นตามประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวข้องด้วย คณะกรรมการ ป.ป.ช.
จึงมีมติให้ส่งสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการไปในคราวเดียวกัน โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 13/2562 ซึ่งนำไปสู่การสืบสวนสอบสวน และขออนุมัติต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับบุคคล ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ รวม 4 คน ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน รวมทั้งความผิดอื่น และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 อันเป็นความผิดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ไต่สวนพบมูลความผิดแล้วด้วย ปัจจุบันคดีดังกล่าวสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2562 เพื่อดำเนินการต่อไป
(2) คดีหญิงไทยถูกหลอกลวงไปบังคับค้าประเวณีที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 143/2561 และได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย เป็นหญิงชาวไทยจำนวน 2 ราย และชายชาวจีน จำนวน 1 ราย ต่อมา เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าวได้จับกุมตัวผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลอาญา ได้จำนวน 2 ราย ในข้อหาสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน
โดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใดโดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ฯลฯ และจะดำเนินการขยายผลจับกุมตัวผู้ต้องหา ที่เหลือและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
(3) คดีผู้ต้องหาคดีความมั่นคงชายแดนใต้ซึ่งหลบหนีคดี 14 ปี สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่มีกลุ่มคนร้ายบุกเข้าปล้นปืนของทางราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างปี 2545 - 2547 ซึ่งเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งก่อคดีความไม่สงบที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกหลายคดี โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 12/2548 ต่อมาสามารถจับกุมนายมะหะมะรอมือลี สาแม แกนนำบีอาร์เอ็น ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานกบฏก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ได้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2562 และนำส่งศาลอาญาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
(4) การอำนวยความยุติธรรมช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมได้เป็นจำนวนมาก ทั้งการปราบปรามนายทุนรายใหญ่ที่มีอิทธิพลด้วยมาตรการทางอาญาและภาษี การให้ความรู้ด้านกฎหมาย ให้คำปรึกษา รับแจ้งปัญหา และอำนวยความเป็นธรรมแก่ประชาชนทางกฎหมาย เพื่อให้เข้าถึงความเป็นธรรม โดยการสืบสวนสอบสวนและปราบปรามกลุ่มนายทุนต่อไปอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยบูรณาการเครือข่ายพันธมิตรในการปราบปรามและป้องกันโดยการให้ความรู้แก่ประชาชน สร้างพลังเครือข่ายเพื่อเป็นตัวคูณในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน มีการแบบบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม กรมสรรพากร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน รวมได้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนด้านการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย ในปี พ.ศ. 2562 มีเรื่องร้องเรียน จำนวน 180 เรื่อง ผู้ร้องเรียน จำนวน 190 คน ทุนทรัพย์รวมทั้งสิ้น 280,779,943 บาท
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษยังได้รับกรณีที่เกี่ยวกับอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษไว้เป็นเรื่องสืบสวนอีกหลายกรณี ทั้งนี้ เพื่อขยายผลและรับเป็นคดีพิเศษต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี