ผ่านไปไม่เท่าไหร่ ก็เข้าจะสู่ปีใหม่กันอีกคราแล้ว วันนี้ ขุนเกษตรา ขออนุญาตเติมความสุขส่งท้ายปีหมูต้อนรับปีหนูด้วยคำอวยพรให้ทุกท่านมีความสุขกาย สบายใจ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัยทั้งหลายทั้งปวง ทำการเกษตรประสบผลสำเร็จ ราคาผลผลิตดีขึ้นๆไปนะครับ แล้วเราค่อยมาดูกันว่า หลังจากปีใหม่แล้ว กระทรวงเกษตรฯ จะมีแคมเปญอะไรออกมาส่งเสริมและสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรกันบ้าง...แต่สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนคือการวางแผนบริหารจัดการน้ำและการแก้ปัญหาภัยแล้งที่กำลังมาถึงด้วยนะครับ สำหรับในส่วนของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ก็ได้ถือโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เชิญชวนประชาชนให้มาทำบัญชี 3 มิติ สร้างความสำเร็จในชีวิตรับปีใหม่ โดย นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ บอกว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้เป็นโอกาสอันดีที่จะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรและประชาชนทุกคน เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโดยนำหลักการทำบัญชี 3 มิติ มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ได้แก่ รู้ตนเอง รู้สภาพแวดล้อมและรู้อนาคต ยึดตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพึ่งตนเอง รู้จักความพอประมาณ และไม่ประมาท สามารถคิด วางแผน ลงมือทำ ทบทวน นำไปพัฒนาอาชีพของตนเอง โดยมีบัญชีเป็นภูมิคุ้มกันและคู่มือชีวิต ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์เศรษฐกิจในยุคปัจจุบันที่จำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างมีสติ ไม่ประมาท พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยบัญชี 3 มิติ เริ่มจาก มิติแรก “รู้ตนเอง” รู้ถึงการใช้จ่ายเงินในแต่ละวัน รู้รายได้ รู้รายจ่าย รู้หนี้สิน เปรียบเทียบรายได้ รายจ่าย ฝึกนิสัยการใช้เงิน เริ่มต้นจากลงมือทำบัญชีประจำวัน โดยคิดวิเคราะห์ถึงรายรับ รายจ่าย สิ่งที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไป ซึ่งไม่เพียงทำให้ทราบรายรับ – รายจ่าย และข้อมูลทางการเงินเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจและการพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ผู้ทำบัญชีสามารถดำรงชีวิตได้อย่างประสบความสำเร็จ มีภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงในการดำรงชีวิต ช่วยให้เกิดการจัดระเบียบวินัยในการใช้จ่ายและมองเห็นช่องทางในการออมและเพิ่มรายได้ มิติที่สอง คือ “รู้สภาพแวดล้อม” คิดและวิเคราะห์ข้อมูลทางบัญชีอย่างเป็นระบบ รู้การตลาด รู้สังคม รู้สิ่งแวดล้อม รู้ภูมิอากาศ ภูมิปัญญาพื้นถิ่น สร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วมในชุมชน มีการจัดสรรด้านรายจ่าย ลงทุนและเงินออมอย่างเหมาะสม สร้างนิสัยรักการออม และนำไปสู่ความพอเพียง มิติสุดท้าย คือ “รู้อนาคต”นำข้อมูลทางบัญชีและหลักวิชาการมาใช้วางแผนการประกอบอาชีพ ทำให้รู้ทิศทางการตลาด รู้การวางแผนจัดการอาชีพล่วงหน้า สร้างการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นเกษตรกรสมัยใหม่ที่คิด-วางแผน-ลงมือทำ-ทบทวน ทำให้สามารถกำหนดแผนการประกอบอาชีพและแผนในการดำเนินชีวิตได้ นำไปสู่ความยั่งยืน…อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ย้ำอีกว่า การมีวินัยทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญและมีความจำเป็นในการวางแผนการดำเนินชีวิต ซึ่งหากนำหลักบัญชี 3 มิตินี้ ไปวางแผนปรับใช้ให้เหมาะสม ทำบัญชีได้ ใช้ข้อมูลเป็น สามารถนำข้อมูลที่ได้รับไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองและคนในครอบครัว มองเห็นช่องทางในการออมและเพิ่มรายได้ สามารถวางแผนการลงทุนและการผลิตได้ดียิ่งขึ้น ก็จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันและเกิดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ อีกทั้งเป็นโอกาสในการต่อยอดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน นำมาสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
หลังจากเที่ยวปีใหม่กันแล้ว กรมปศุสัตว์เชิญเที่ยวงานแพะแห่งชาติ ครั้งที่ 17 ประจำปี 2563 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 19 มกราคม 2563 ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง (ไร่เขาบัวทอง) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกษตรกรเลี้ยงแพะมีการตื่นตัวในการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาการเลี้ยง การจัดการฟาร์ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ระหว่างเกษตรกร นักวิชาการและผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาอาชีพการเลี้ยงแพะ เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการพัฒนาการแปรรูป และการตลาดให้เป็นไปในแนวทางที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ตลาดแพะ ให้กว้างขวางทั้งตลาดในพื้นที่และตลาดประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อส่งเสริมการตลาด ให้แก่เกษตรกรเลี้ยงแพะทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกรมปศุสัตว์ได้จัดติดต่อกันมาแล้ว 16 ครั้ง และในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 17...ทั้งนี้ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ให้ข้อมูลว่า กรมปศุสัตว์ได้ให้ความสำคัญกับการเลี้ยงแพะ จึงได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงแพะมาอย่างต่อเนื่อง จากสถิติในปี 2550 มีแพะที่เลี้ยงรวม 444,774 ตัว เกษตรกร 38,653 ครัวเรือน และจนถึงปัจจุบัน กรมปศุสัตว์ได้มีการสำรวจพบว่า มีแพะรวม 832,533 ตัว เกษตรกร 65,850 ครัวเรือนจะเห็นว่าในระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา มีแพะเพิ่มขึ้น 387,759 ตัว เกษตรกรเพิ่มขึ้น 27,197 ราย ซึ่งกรมปศุสัตว์มีแผนงานโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงแพะ โดยการขับเคลื่อนเครือข่ายเกษตรกรเลี้ยงแพะ ตั้งแต่ปี 2552 ปัจจุบัน มีกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงแพะจำนวน 501 กลุ่ม ชมรมแพะระดับจังหวัด 64 ชมรมจังหวัด เครือข่ายระดับเขต 9 เขต และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ งบประมาณจากจังหวัด งบประมาณจากกลุ่มจังหวัด และงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นนอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ได้มีแนวทางปรับเปลี่ยนอาชีพการเกษตรที่ผลผลิตมีปัญหาด้านการตลาด ได้แก่การทำนา การทำสวน ให้ปรับเปลี่ยนเป็นเลี้ยงแพะเป็นอาชีพมากขึ้น จากการประมาณการพบว่าจำนวนแพะที่ใช้บริโภคในประเทศ ประมาณปีละ 377,000 ตัว โดยมีการส่งออกแพะไปยังตลาดมาเลเซีย ประมาณ 100,000 ตัว/ปี ตลาดลาว และเวียดนาม ประมาณ 40,000 ตัว/ปี นอกจากนั้น มีการนำเข้าแพะจากประเทศเมียนมา จำนวน 39,231 ตัว/ปี จะเห็นว่า โดยสรุปภาพรวมการผลิตแพะในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดเลย...นับว่าเป็นอีกอาชีพที่น่าส่งเสริม
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี