เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562 นายปุณณพัฒน์ มหาลี้ตระกูล ผู้พิพากษาในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์ควบคุมการปล่อยชั่วคราวและบังคับตามคำสั่งศาลโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายตามนโยบายของนายไสลเกษ วัฒนพันธ์ุ ประธานศาลฎีกา ซึ่งศาลยุติธรรมให้ความสำคัญสิทธิและเสรีภาพประชาชน ดังนั้นศาลยุติธรรมมีความมุ่งมั่นต่อไปที่จะใช้อุปกรณ์กำไลอีเอ็มในปี 2563 ตลอดไป เพราะเป็นสิ่งที่ใช้คุ้มครองสิทธิเสรีภาพทั้งฝ่ายจำเลยและฝ่ายผู้เสียหาย เพราะจำเลยที่ยากจนไม่มีเงินประกันตัวก็ขอใช้อีเอ็มได้โดยไม่มีการเรียกเงินประกันเครื่องคือฟรีทุกอย่าง เพราะหากไม่ได้ประกันตัวก็จะขาดโอกาสไปทำงาน
"เช่น คดีนักร้องสาวเคยอยากฆ่าตัวตายเพราะไม่มีเงินประกันตัวที่ศาลจังหวัดนนทบุรี หรือ กรณีจำเลยต้องการประกันตัวไปหาพยานหลักฐานมาต่อสู้คดี หรือกรณีผู้ต้องหาหากถูกขังก็มีผลกระทบต่อจิตใจเพราะต้องเข้าเรือนจำ ส่วนผู้เสียหายก็ได้รับก่ารคุ้มครองเพราะอุปกรณ์จะแจ้งเตือนถ้าจำเลยเดินทางมาใกล้ๆจะได้มีการเตือนในคดีทำร้ายร่างกาย และเตือนในคดีประมาทเช่น ขับรถเร็วเกินกำหนด หรือออกจากบ้านเวลากลางคืน ออกนอกพื้นที่ห้ามเป็นต้น ส่วนจำเลยที่มีฐานะดี เช่น คดีเสือดำ ก็ใส่อีเอ็มเพื่อควบคุมการเดินทางออกนอกประเทศได้ แม้ว่าสัญญาณขาดหายก็สามารถติดตามได้ เป็นต้น"นายปุณณพัฒน์ กล่าว
นายปุณณพัฒน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีศาล 166 แห่ง นำอุปกรณ์อีเอ็มใช้ในปี 2562 รวม 9,033 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี และติดตามตัวจำนวนเพียง 141 ราย ศาลอาญาคือศาลที่สั่งใช้อุปกรณ์มากที่สุด ดังนั้นการใช้กำไลอีเอ็มจะลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี