จ.อุดรธานี เปิดใจจากเพื่อนร่วมงานและน้องสาว เชื่อคนตายรักลูกรักเมียหากตายต้องตายไปด้วย
สุดสะเทือนใจ กรณีฆ่ายกครัว 4 ศพที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ญาติตั้งเรียง 4 ศพพ่อแม่ลูกที่วัดเตรียมเผาพร้อมกันพรุ่งนี้สาเหตุจากหนี้ท่วมตัว วันนี้เพื่อนร่วมงานและน้องสาวเปิดใจ เผยคนตายผู้ชายเป็นคนรักลูกรักเมียมาก เชื่อ เกิดปัญหาหนี้ท่วมหัวหากจะตายอยากจะเอาลูกเอาเมียไปด้วย
จากกรณี นายไทยสาน ซ่อนชัย อายุ 51 ปี ใช้เชือกไนล่อนสีเขียวผูกคอตัวเองเสียชีวิต และพบศพลูก-ภรรยา เสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ภายในบ้านอีก 3 ศพเป็นภาพที่สลดอย่างยิ่ง คือ นางวัชราภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 50 ปี ภรรยา , น.ส.คชาภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 24 ปี ลูกสาวคนโต และ น.ส.ศศิธร ซ่อนชัย อายุ 19 ปี ลูกสาวคนเล็ก เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 260 หมู่ 1 บ้านเชียงหวาง ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ โดยที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ฯ พบท่อนไม้เปื้อนเลือด ขนาดยาวประมาณ 50 ซม. วางอยู่ที่พื้นห้องใกล้กับ 3 ศพ มีคราบเลือดบนพื้น ใกล้กับ 3 ศพ ยังพบถาดใส่ดอกไม้ธูปเทียนและขวดน้ำ ตั้งอยู่ปลายเท้าทั้ง 3 ศพ เหมือนว่ามีการขอขมาศพ หลังก่อเหตุฆ่าลูกๆ และภรรยาแล้วผู้เป็นพ่อจะออกไปผูกคอตายที่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ พบว่าบ้านปิดเงียบสนิท ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน ซึ่งบ้านหลังเกิดเหตุตั้งอยู่เป็นบ้านหลังแรกของทางเข้าหมู่บ้าน ไม่มีบ้านเรือนที่อยู่ติดกัน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความวังเวง สอบถามผู้ที่ผ่านไปมาทราบว่า ขณะนี้ทางญาติผู้เสียชีวิต ได้นำศพทั้ง 4 ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ ศาลาวัดป่าไผ่ศรีทอง หมู่ 1 บ้านเชียงหวาง ต.เชียงหวาง ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 2 กม.
ที่ศาลาวัดป่าไผ่สีทอง ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย มีการนำร่างผู้เสียชีวิตใส่โลงเย็นตั้งเรียงกัน โดยเป็นโลงที่บรรจุร่างของ น.ส.ศศิธรฯ ลูกสาวคนเล็ก ต่อด้วยโลงของ น.ส.คชาภรณ์ฯ ลูกสาวคนโต โลงของ นางวัชราภรณ์ฯ ภรรยา และโลงของนายไทยสานฯ โดยมีภาพถ่ายของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คนวางตั้งอยู่บนโลงเย็น ทางญาติผู้เสียชีวิตนิมนต์พระสงฆ์ 11 รูป สวดมาติกาบังสุกุล ขณะที่มีญาติพี่น้องของครอบครัวผู้เสียชีวิต เดินทางมาเตรียมร่วมฟังสวดพระอภิธรรมในช่วงเย็น ซึ่งหลายคนก็พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเสียใจ ที่มาเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดขึ้นในหมู่บ้าน
นางรุ่งการ ขารพ อายุ 45 ปี น้องสาวนายไชยสานฯ เปิดเผยว่า ครอบครัวมี 5 คน คนตายเป็นคนที่ 3 ซึ่งเจอกับพี่ชายครั้งสุดท้ายวันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา วันนั้นเป็นงานรวมญาติ และวันนี้พี่ชายที่มาจากกรุงเทพฯ ถามเขาว่าทำไมดูหน้าเศร้าจัง เขาก็บอกว่าเสียใจที่ลูกสาวที่เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีไม่มีงานทำ ลูกสาวคนโตเขาก็เพิ่งจะรับปริญญาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ลูกสาวเขาก็ไปสมัครงานหลายที่ พอที่เขาเรียกไปสัมภาษณ์ พ่อก็ไม่ให้ไปทำ เพราะบอกว่าอยู่ไกล ทุรกันดารไม่เหมาะกับลูกเขา สงสารลูกเลยไม่ให้ไปทำ พอมีอีกที่เรียกไปสัมภาษณ์ก็ตรงกับวันที่ลูกเขาซ้อมรับปริญญา ก็เลยพลาดอีก ทั้งที่เพิ่งเรียนจบก็สามารถหางานที่อื่นได้อีก แต่พี่เขาคงไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร
“พี่ชายไม่ได้เป็นคนใจร้อน เมื่อกินเหล้าเขาก็จะนิ่งไม่ค่อยพูด ไม่มีอาละวาดหรือทำเรื่องร้ายแรง และเขาเป็นคนที่รักครอบครัวมาก เมื่อมาเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น เราก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ ตกใจมากเลย เรื่องหนี้สินเขาก็ไม่เคยบ่นอะไรให้ฟัง ไม่ค่อยได้ไปหากัน เพราะต่างคนต่างทำงาน อีกเรื่องของตึกชมพูที่เขาเขียนในจดหมายลา ก็ไม่รู้เรื่องเลย เพิ่งเห็นเมื่อเช้านี้หลังเกิดเหตุ ได้ยินแต่เพื่อนบ้านว่าเขาจะขายนา ที่มีคนอื่นที่มาพูดให้ฟังว่า พี่ชายประกาศจะขายนาของเขา 3 ไร่ แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาจะขายเท่าไหร่ เราก็คิดแต่ว่าทำไมไม่มาปรึกษาน้อง หนี้สินเขามีเท่าไหร่เราก็ไม่เคยรู้กับเขา รู้จากที่เขาเขียนไว้ว่า 2 ล้าน ตามที่เขาเขียนเท่านั้น และหลังเสร็จงานศพ คิดว่าจะติดต่อไปไถ่ที่ดินคืน ราคาเท่าไหร่ก็จะไปไถ่ออกมา”
นางรุ่งการฯ กล่าวอีกว่า เรื่องศพ วันนี้จะทำพิธีฌาปนกิจทั้ง 4 คน คนหนึ่งเผาในเมรุ ที่เหลืออีก 3 จะเผากองฟอน ตามประเพณีของชาวบ้านที่นี่ ที่ชาวบ้านเชื่อว่าตายไม่เหมือนคนอื่นเขา ตายผิดธรรมชาติ และอีกอย่างคนในครอบครัวของพี่ก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมพี่จะทำเรื่องแบบนี้แล้วต้องเอาลูกเอาเมียไปด้วย คนแถวนี้ก็รู้ว่าพี่ชายรักครอบครัวมาก แกจะไปจึงต้องเอาลูกเอาเมียไปด้วย ซึ่งพี่น้องก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมแกถึงทำแบบนี้ ทุกคนก็มีแต่เสียใจ ตกใจ งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ทำได้อย่างไร แล้วก็ไม่มีลางอะไรล่วงหน้า ไม่เคยเห็นเขาพูดอะไรเลย ส่วนกับหลานทั้ง 2 คน ก็ไม่เคยได้คุยกันเท่าไหร่ ทั้งที่เขามีอายุขนาดนี้แล้ว แต่ตอนหลานรับปริญญาก็ไม่ได้คุยอะไรกับหลาน ไม่ร่วมยินดีกับหลานและพี่ชายเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้าพี่เขาก็ดูเศร้า ๆ มาตลอด หลังจากนี้ยังไม่รู้จะทำอย่างไร กับครอบครัวพี่ชาย เพราะว่าไม่เหลือใครแล้ว ต้องรอพี่สาวคนโตมาถึงก่อน
ด้านนายอุดม ชำนิโลก อายุ 53 ปี เพื่อนร่วมที่ทำงานของนายไชยสานฯ เปิดเผยว่า คนเป็นพ่อเป็นเพื่อนร่วมงาน ที่เจอกันครั้งสุดท้ายก่อนปีใหม่ เพราะปกติเขาทำงานแล้วแต่ช่วงเข้าเวร เวลาเจอกันก็พูดคุยถามความเป็นอยู่กัน ก็ไม่เห็นว่าเขามีปัญหาอะไร ก็ตกใจเมื่อทราบข่าวที่เกิดขึ้น ก็คิดว่าเขาทำได้อย่างไร แล้วก็ไม่มีลางสังหรณ์อะไรล่วงหน้า เรื่องหนี้สินก็มีเป็นธรรมดา เป็นเงินกู้ในระบบที่เขากู้กับทางสหกรณ์ฯ ของที่ทำงาน ก็ไม่ทราบว่าเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะตามสิทธิของเงินเดือน ที่กู้ได้ 70 เท่าของเงินเดือน น่าจะประมาณล้านกว่าบาท ส่วนหนี้อื่น ๆ ก็ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
“เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น ถ้าเป็นหนี้เรื่องแค่หนี้สิน มันไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะมันอยู่ในระบบ ส่วนเรื่องที่เขาเขียนในจดหมายว่าตึกชมพู เรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่าที่ไหน ที่เขาเอาที่ไปวาง น้องสาวเขาก็มาถาม ผมก็ไม่รู้ หาตึกชมพูถ้าที่อำเภอเพ็ญ ก็หน้าห้างโลตัส ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นของนายทุนหรือว่าของบริษัท แต่เท่าที่รู้ดอกเบี้ยเขาก็ไม่แพง ถึงจะมีคนไปใช้บริการเยอะ แต่ผมก็ไม่รู้จัก ได้ยินแต่คนเขาพูดกัน ส่วนเรื่องกินเหล้าก็ธรรมดา เคยกินด้วยกันก็ไม่เห็นมีอะไร กินเสร็จก็กลับบ้าน นิสัยแกเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูด ซึ่งสาเหตุที่เขาต้องมาฆ่าในครอบครัว เรื่องนี้ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน ก็คงตอบอะไรไม่ได้ คิดแต่ว่าทำไมถึงทำกับลูกได้ เพราะปกติเขาจะเป็นคนที่รักลูกมาก แต่ใจคนเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี