9 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ที่ห้องประชุม อบต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผช.รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายธปภัค บูรณะสิงห์ ผอ.กองส่งเสริมการระงับข้อพิพาท พร้อมคณะลงพื้นที่พบกับญาติของ นางวัชราภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 49 ปี น.ส.คชาภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 23 ปี และ น.ส.ศศิธร ซ่อนชัย อายุ 19 ปี ภรรยาและลูกสาว ของนายไทยสาน ซ่อนชัย อายุ 51 ปี ลูกจ้างประจำศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติเขต 4 จ.อุดรธานี จากกรณีที่นายไทยสาน ก่อเหตุทุบหัวฆ่ายกครัวเสียชีวิตในบ้านพัก เนื่องจากมีภาวะเครียดเพราะมีหนี้สิน 2 ล้านบาท ก่อนที่นายไชยสาน จะใช้เชือกผูกคอกับต้นมะม่วงหน้าบ้าน รวม 4 ศพ เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 5 มกราคม 2563
โดยมี นายณฐพล วิถี นายอำเภอเพ็ญ , รักษาการยุติธรรม จ.อุดรธานี พร้อม ตำรวจ สภ.เพ็ญ , รักษาการนายก อบต.เชียงหวาง พร้อม ผู้ใหญ่บ้าน ให้ข้อมูลสาเหตุที่ฆ่ายกครัว 4 ศพ เนื่องจากภาระหนี้สินของตัวสามี ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว โดยมีญาติพี่น้องของนายไชยสาน และนางวัราภรณ์ มารับฟังสิทธิของญาติผู้เสียชีวิตที่ถูกกระทำ โดยนายสามารถ และนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ชี้แจงถึงสิทธิที่จะได้รับจาก พรบ.ชดเชยผู้เสียหายจากคดีอาญา ซึ่งผู้จะได้รับเป็นผู้ที่ถูกกระทำ คือตัวนางวัชราภรณ์ น.ส.คชาภรณ์ และน.ส.ศศิธร ภรรยาและลูกสาว ของนายไชยสาน ที่เสียชีวิต โดยญาติที่มีสิทธิอันชอบธรรม จะเป็นผู้ได้รับค่าเสียหายในส่วนนี้ ส่วนทางนายไชนสาน ที่เป็นตัวผู้กระทำถึงจะเสียชีวิตจะไม่ได้รับสิทธิตรงนี้
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผช.รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลเรื่องหนี้นอกระบบ แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่เน้นย้ำสร้างยุติธรรมเชิงรุกให้กับประชาชน ตนและคณะจึงเดินทางมาพบกับครอบครัวที่ปลิดชีวิตตัวเอง เนื่องจากเป็นหนี้ ซึ่งตรงกับบทบาทของกระทรวงยุติธรรม ในเรื่องของ พรบ.ชดเชยผู้เสียหายจากคดีอาญา มารับฟังข้อมูลทั้งจากทางตำรวจ นายอำเภอ และครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ดูแล้วเข้าเกณฑ์และเงื่อนไขที่กระทรวงยุติธรรมจะเข้ามาดูแลได้
“ต้องยอมรับก่อนว่า รัฐธรรมนูญ เขียนไว้ชัดเจนว่า ประชาชนทุกคนต้องได้รับการปกป้อง คุ้มครอง ทั้งสิทธิและเสรีภาพ ต่อชีวิตและทรัพย์สิน หากมีใครมาทำร้ายให้เสียชีวิต ตรงนี้เองมีกฎหมายที่เข้าไปให้การช่วยเหลือ เบื้องต้นทางอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ แจ้งว่า ทางภรรยาที่เสียชีวิต จะได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นประมาณ 1.1 แสนบาท ส่วนลูกทั้ง 2 คน จะได้คนละ 7 หมื่นบาท ซึ่งเงินตรงนี้จะตกสู่ทายาทตามกฎหมายว่า ใครเป็นทายาทโดยชอบธรรมที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ โดยจะมีการพิจารณาในวันที่ 22 มกราคม นี้ ที่มีประธานคณะอนุกรรมการฯ จะดำเนินการพิจารณาในเรื่องนี้”
นายสามารถ กล่าวอีกว่า วันนี้ทางญาติผู้เสียชีวิต ได้รับรู้ถึงสิทธิของตัวเอง โดยตนเน้นย้ำกับทางยุติธรรมจังหวัด ให้เข้าไปอธิบายต่อประชาชนใหห้รับรู้ถึงสิทธิของตัวเอง เพราะบางครั้งเห็นคนอื่นถูกละเมิด อย่างเช่นถูกรถชน ปรากฎว่าไม่ได้เข้ามารับรองขอสิทธิภายใน 1 ปี ซึ่งเห็นมีการไปออกทีวีหลายๆช่องแต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ มันมีเรื่องของอายุความที่จะต้องขอภายใน 1 ปี จึงต้องพยายามบอกกับประชาชนให้รับทราบถึงสิทธิดังกล่าว โดยทางสื่อมวลชนต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงสิทธิดังกล่าว ทั้งนี้ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตคงไม่อยากให้เกิด แต่หากเกิดขึ้นแล้ว เราต้องได้รับการเยียวยาดูแลอย่างไร โดยคดีนี้เราต้องนำมาถอดบทเรียนว่า เราจะปกป้องไม่ให้มีการฆ่าตัวตาย หรือปลิดชีวิตในเรื่องของการเป็นหนี้ ซึ่งทางรัฐบาลพยายามจะหาแหล่งทุน มาช่วยเหลืออยู่แล้ว
นายณฐพล วิถี นายอำเภอเพ็ญ บอกว่า จากการตรวจสอบกับทางไฟแนนซ์ตึกสีชมพู ทราบว่านายไชยสาน นำที่ดินไปจำนองในราคา 50,000 บาท ไม่ใช่ 5,000 บาท ซึ่งทางพี่น้องบอกจะหาเงินมาดำเนินการไถ่ถอน ส่วนบ้านหลังที่เกิดเหตุ ทางญาติๆเห็นพ้องว่าจะรื้อบ้านทั้งหลัง นำไม้ไปถวายวัดอุทิศส่วนกุศลให้ครอบครัวที่เสียชีวิต รวมทั้งต้นมะม่วงต้นไม้ต่างๆจะตัดออกให้หมด เพื่อให้คนในหมู่บ้านเกิดความสบายใจ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวขอสัมภาษณ์ญาติของนายไชยสาน แต่ได้รับการปฏิเสธ ส่วนทางครอบครัวนางวัชราภรณ์ บอกว่า ไม่อยากจะพูดอะไร แต่ขอบคุณกระทรวงยุติธรรมที่เข้ามาช่วยเหลือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี