นางกุลฤดี พัฒนะอิ่ม รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำเค็มรุกพื้นที่การเกษตรปีนี้ ซึ่งเกิดจากน้ำจืดต้นน้ำเหนือเขื่อนมีปริมาณน้อย น้ำทะเลหนุนสูงดันให้น้ำเค็มไหลเข้าไปในแม่น้ำหลายแห่งในพื้นที่การเกษตรของจังหวัดที่อยู่ปากแม่น้ำเร็วกว่าปกติ ที่จะเกิดประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม ทำให้ค่าความเค็มสูงกว่าค่ามาตรฐานที่พืชรับได้ อยู่ที่ไม่เกิน 1.2 กรัม/ลิตร โดยเฉพาะน้ำเค็มอาจรุกเข้าพื้นที่อย่างน้อย 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สร้างผลกระทบและความเสียหายให้พื้นที่กล้วยไม้ไม้ผลไม้ยืนต้น และพืชอื่นได้
ทั้งนี้ ผลกระทบของน้ำเค็มที่มีต่อพืช เมื่อเกษตรกรนำมารดน้ำต้นไม้ พบว่าปลายใบไหม้ ต้นเหี่ยว ใบเหลือง เป็นอาการขาดน้ำของพืชทั่วไป แต่ถ้าพืชอยู่ในระยะเริ่มสร้างช่อดอกหรือผสมเกสรจะส่งผลให้ช่อดอกไม่พัฒนาต่อ ไม่เกิดการผสมเกสร ผลผลิตจะลดลง แต่หากติดผลแล้วจะสลัดลูกร่วงทิ้ง สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้เพราะพืชไม่สามารถใช้น้ำได้ตามวัฏจักรที่ควรจะเป็น เมื่อใช้น้ำเค็มรดต้นพืช จะมีคราบขี้เกลือสีขาวปรากฏอยู่ทั่วสวน
นางกุลฤดีกล่าวต่อว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ขอแนะนำวิธีป้องกันรับมือ เมื่อน้ำเค็มรุกสวนสำหรับเกษตรกร เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ดังนี้ 1) ติดตามสถานการณ์เตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตรอย่างใกล้ชิดที่เว็บไซต์ www.TMD.go.th, www.RID.go.th, www.DOAE.go.th 2)ปิดประตูระบายน้ำในสวนตนเอง พร้อมสำรองน้ำและอุดรูรั่วตามแนวคันสวนโดยรอบ ป้องกันน้ำเค็มเข้าร่องสวน 3) ขุดสร้างคันดินล้อมรอบสวนป้องกันการรุกของน้ำเค็ม 4) ลอกเลนตามร่องสวนออก เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำและดึงน้ำจากดินชั้นล่าง
ให้ไหลออกมาใช้ได้ 5) ดูแลสวนตนเองอย่างใกล้ชิด ด้วยการตัดแต่งกิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อลดการคายน้ำไม่ปลูกพืชใช้น้ำมาก และใช้วัสดุคลุมโคนต้นเพื่อรักษาความชื้นของหน้าดิน 6) จัดหาแหล่งน้ำสำรอง เพื่อเก็บน้ำจืดจากแม่น้ำหรือกักเก็บน้ำธรรมชาติหรือขุดบ่อบาดาล เพื่อนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ 7) กรณีน้ำเค็มเข้าสวนแล้วให้รีบระบายน้ำเค็มออกจากแปลงปลูกให้หมด แล้วจัดหาน้ำจืดมาให้ต้นไม้ผล เพื่อช่วยให้มีชีวิตอยู่รอดอีกทั้ง ยังช่วยล้างความเค็มของดินออกไปด้วย 8) กรณีเป็นต้นไม้ เล็กให้พรางแสงเพื่อช่วยลดอุณหภูมิที่ผิวดินและลดการคายน้ำของพืช
“ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจกระทรวงเกษตรฯสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดบูรณาการทำงานร่วมกันและแก้ปัญหา ซึ่งดำเนินการแล้ว ดังนี้ 1)ทำให้น้ำเค็มเจือจางลง : โดยเพิ่มอัตราระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาลงมาผลักดันน้ำเค็มให้เจือจางลง 2)อาศัยน้ำจากแหล่งน้ำข้างเคียง : โดยผันน้ำจากแม่น้ำเข้ามาช่วยเติมให้แม่น้ำเจ้าพระยา 3)หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายต้องประสานกรมทรัพยากรน้ำบาดาลขุดเจาะน้ำบาดาลเพื่ออุปโภคและบริโภค 4)จัดเจ้าหน้าที่เตือนภัย ติดตามการระบายน้ำ เพื่อรับทราบสถานการณ์ลดระดับความเค็มของน้ำและทำความเข้าใจกับเกษตรกร 5)ไม่ส่งเสริมให้ทำนาปรังเกิน 2 ครั้งต่อปี และงดทำนาปรังหลังเดือนกุมภาพันธ์ เพราะไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับการเกษตร กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าปีนี้อาจมีฝนตกช่วงเดือนมิถุนายน”รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี