แล้งนี้ต้องรอด
รบ.ดัน57โครงการ
เพิ่มน้ำต้นทุน4.3พันล.
เต้นสั่งแจงสถานการณ์
นายกฯเต้นสั่งเข้มประชาสัมพันธ์ปัญหาภัยแล้ง แจ้งข้อมูลให้ ปชช.เข้าใจสถานการณ์รวมถึงมาตรการช่วยเหลือ รัฐบาลยันมีน้ำกินน้ำใช้พอตลอดปีสทนช.บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนรับมือย้ำแล้งนี้ต้องรอด เน้นแก้ยั่งยืนระยะยาว ไม่ใช่ ปีต่อปี หลายจังหวัดแสนสาหัส ปากน้ำโพแหล่งน้ำกลายเป็นดิน จำใจปล่อยข้าวยืนต้นตาย
เมื่อวันที่ 15 มกราคม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้การแก้ปัญหาภัยแล้ง มีนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
หลังประชุม นางนฤมลแถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมต้องการให้บูรณาการข้อมูลด้านน้ำของทุกหน่วยงานและประชาสัมพันธ์เรื่องภัยแล้งให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลไปสู่ประชาชน โดยเฉพาะความคืบหน้าการทำงานของสทนช.ที่วางแผนบริหารจัดการน้ำในอนาคต รวมถึงปัญหาอุปสรรค ที่สำคัญคือ ทำให้ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบเข้าใจว่าจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร โดยแนวทางประชาสัมพันธ์ของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติคือ ให้ข้อมูลสื่อมวลชนหลังประชุม ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี จัดทำสื่อโซเซียลมีเดีย สรุปประเด็นรอบสัปดาห์และเผยแพร่ข้อมูลทั้งหมดผ่านแฟนเพจกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ นอกจากนี้ ต้องเพิ่มความถี่และช่องทางเผยแพร่ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนให้ครอบคลุม โดยจะมีหน่วยงานของกรมประชาสัมพันธ์ในพื้นที่สร้างการรับรู้ให้ประชาชน
“รัฐบาลยืนยันน้ำอุปโภคและบริโภคจะมีใช้ตลอดทั้งปี ส่วนน้ำสำหรับทำการเกษตรนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรณรงค์ขอความร่วมมือเกษตรกร เพื่อสร้างการรับรู้ต่อไปและจะเร่งเบิกจ่ายงบกลางดำเนินโครงการแก้ปัญหาภัยแล้งกว่า 2,000 โครงการ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับเรื่องการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่ใช่เฉพาะปีต่อปีหรือแก้เฉพาะหน้า”โฆษกรัฐบาลกล่าว
เช่นเดียวกับ นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)ที่ระบุว่า สถานการณ์น้ำปัจจุบันพบมีผลกระทบบางพื้นที่ ตอนนี้เริ่มบูรณาการหลายหน่วยงานเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นตามนโยบายที่ว่า แล้งนี้ต้องอยู่รอด รวมถึงมาตรการแก้ระยะกลางระยะยาว ขณะเดียวกันพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีย้ำว่าต้องมีน้ำประปาใช้ไปตลอดฤดูแล้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีเขตประสบภัยแล้งแล้ว 18 จังหวัด มีพื้นที่เสี่ยง 31 จังหวัด ถ้าไม่เตรียมแผนรองรับจะเกิดภัยแล้งได้
นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลที่อยู่ในเขตการประปานครหลวงมีปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ แต่ได้แก้ปัญหาโดยผันน้ำจากแม่กลองขับไล่น้ำเค็มรุกล้ำเจ้าพระยาให้กลับสู่ปกติ ทำให้น้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแล้ว นอกจากแผนระยะสั้น ยังมีแผนที่ต้องดำเนินการต่อโครงการขนาดใหญ่วงเงินเกิน 1,000 ล้านบาทรวม 57 โครงการ เพิ่มน้ำต้นทุน 4,398 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับผลประโยชน์ 7.34 ล้านไร่ โดยสัปดาห์หน้าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯจะเป็นประธานประชุมงบบูรณาการแก้ปัญหาน้ำทั้งหมดที่ได้รับการจัดสรรในงบประมาณปี 2563 เกือบ 6 หมื่นล้านบาท และในปี 2564 จะวางรากฐานแหล่งน้ำให้ได้ โดยมีโครงการขนาดใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ นายกฯมีคำสั่งชัดเจนให้ทุกหน่วยงานแก้ปัญหาแบบนี้ โดยสั่งการพิเศษว่าระยะ 10 วัน ต้องรู้ผลแก้ปัญหาไปถึงไหนอย่างไรบ้าง
วันเดียวกัน สถานภัยแล้งหลายพื้นที่ยังวิกฤติ แหล่งน้ำอ่างเก็บน้ำแทบจะไม่มีเหลือแล้ว อย่างจ.นครสวรรค์ น้ำในคลองบางเคียน ต.บางเคียน อ.ชุมแสง คลองสาขาแม่น้ำยมจากจ.พิจิตร มีปริมาณน้ำเหลือน้อยและกำลังแห้งขอดจนเห็นเนินดิน เดินข้ามได้ ชาวนาริมสองฝั่งคลองต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเอง โดยสูบน้ำที่ขังจากก้นคลองใส่นาข้าวที่กำลังตั้งท้องออกรวง ไม่ให้ยืนต้นตาย แต่มีนาข้าวอีกหลายแปลง ที่ไม่สามารถสูบน้ำจากลำคลองใส่นาข้าวได้ ต้องปล่อยให้ข้าวยืนต้นแห้งตายในที่สุด
ขณะที่อ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ อ.แม่เปิน ปริมาณน้ำเหลือน้อย จากความจุอ่าง 82 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ตอนนี้เหลือเพียง 23 ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้งานได้จริงเพียง 8 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับอุปโภคและบริโภคเท่านั้น ทำให้เกษตรกรในอ.แม่เปินได้รับผลกระทบในวงกว้าง
เช่นเดียวกับ จ.กาฬสินธุ์ ภัยแล้งขยายวงกว้าง และส่อเค้ารุนแรงหลายอำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน แหล่งน้ำสาธารณะและแหล่งน้ำธรรมชาติใช้เพื่ออุปโภค บริโภค และให้สัตว์เลี้ยงกิน ตามห้วย หนอง คลอง บึง ปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องและบางแห่งแห้งขอดสิ้นเชิง เห็นผิวดินแตกระแหง ส่งผลกระทบทั้งพืช สัตว์เลี้ยง ผลผลิตการเกษตร เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา ลดลงจำนวนมาก รวมทั้งหญ้าอาหารสัตว์ จนร่างกายวัว ควาย เริ่มผ่ายผอม เพราะหญ้าขาดแคลน
ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งหลายพื้นที่ยังน่าเป็นห่วง สภาพแหล่งเก็บน้ำหลักๆแห้งขอด สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่จ.พิจิตร ที่อ.สากเหล็ก พื้นที่สูงและอยู่นอกเขตชลประทาน ระดับน้ำในคลองสายดินแดงที่ไหลผ่านพื้นที่การเกษตร เริ่มลดระดับจนแห้งขอด ไม่มีปริมาณน้ำกักเก็บ ขณะที่เกษตรกรชาวนาแนวริมฝั่งคลอง ต่างเร่งสูบน้ำที่เหลืออยู่ เพื่อนำไปเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังออกรวง ให้อยู่รอดไปจนกว่าจะเก็บเกี่ยว
นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรกล่าวว่า จ.พิจิตรประชุมติดตามเตรียมแก้ปัญหาภัยแล้ง จากปริมาณน้ำในเขื่อนหลักต่ำกว่าปีที่แล้ว ทำให้พื้นที่การเกษตรเสียหาย โดยกำชับทุกอำเภอสำรวจพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำ และเตรียมอุปกรณ์รถบรรทุกน้ำไว้พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันที
ที่ จ.กาฬสินธุ์ ภัยแล้งขยายวงกว้างหลายอำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน ซึ่งแหล่งน้ำสาธารณะและแหล่งน้ำธรรมชาติใช้เพื่ออุปโภคบริโภค และให้สัตว์เลี้ยงกิน ตามห้วย หนอง คลอง บึง ปริมาณน้ำลดลงต่อเนื่องบางแห่งเริ่มแห้งขอด หลายแห่งแห้งจนเห็นผิวดินที่แตกระแหง ส่งผลกระทบต่อพืชสวนพืชไร่ ที่เริ่มเหี่ยวเฉาและแห้งตาย ตลอดจนสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือที่เริ่มขาดแคลนอาหาร
นายมนูญ ขนันแข็ง อายุ 46 ปีเผยว่า จากฝนที่ทิ้งช่วงนานกว่า 3 เดือน นอกจากจะส่งผลกระทบให้ผลผลิตทางการเกษตร เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา ลดลงมากส่งผลกระทบถึงแหล่งน้ำและหญ้าแห้ง อาหารสัตว์เลี้ยงที่เริ่มขาดแคลนด้วย ทำให้วัวควายสุขภาพอ่อนแอเพราะกินอาหารไม่พอ บางคนต้องไปซื้อระบบน้ำสปริงเกอร์มาติดตั้งเพื่อรดแปลงปลูกหญ้าให้สัตว์เลี้ยงกินประทังชีวิต อย่างไรก็ตาม เพื่อตัดปัญหาขาดแคลนหญ้าสดหรืออาหารเสริม จึงขายวัวไปทั้งคอก ก่อนที่ร่างกายจะผ่ายผอมจนขายไม่ได้ราคา ขณะที่ชาวนาหลายคนที่ไม่สามารถปลูกข้าวหรือเพาะปลูกพืชอื่นได้ ต้องไปหางานรับจ้างทั่วไป ไปเป็นลูกจ้างตามโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่อื่นทำแทน ทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบเหงา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี