ยกระดับสู้ฝุ่น
ชง‘ครม.’เคาะกฎเหล็ก
ห้ามรถบรรทุกเข้ากทม.
เมืองกรุงค่ายังสูง7เขต
กทม.ยังคลุ้ง ฝุ่นจิ๋วเกินมาตรฐาน 7 เขตวัดได้สูงสุด 87 มคก. แนวโน้มเพิ่มขึ้นคุณภาพอากาศเริ่มกระทบสุขภาพแนะงดกิจกรรมกลางแจ้ง ใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน ด้านกก.ควบคุมมลพิษยกระดับมาตรการแก้ PM 2.5ชงเข้าครม.21ม.ค.เข้ม5หน่วยงาน ทั้งจำกัดรถบรรทุกเข้ากทม.ชั้นใน ให้วิ่งได้เฉพาะวันคู่ วอนปชช.ร่วมมือจะได้ไม่ต้องใช้ยาแรง ด้านนครบาลตั้งจุดตรวจควันดำ 17จุด เข้มกฎหมาย
เมื่อวันที่ 16 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองในกรุงเทพมหานคร โดยสรุปผลตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ตรวจวัดได้ 32-87 มคก./ลบ.ม.พบ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและเกินมาตรฐาน 7 เขตพื้นที่คือ วังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 วัดได้ 56 มคก./ลบ.ม. เขตบางคอแหลม ริมถนนพระราม3-เจริญกรุง:51มคก./ลบ.ม. เขตบางเขน ริมถนนพหลโยธิน :57 มคก./ลบ.ม., เขตพระนคร ริมถนนสามเสน: 52 มคก./ลบ.ม. เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย:54 มคก./ลบ.ม., เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ 52 มคก./ลบ.ม.และเขตดินแดง ริมถนนวิภาวดี 87 มคก./ลบ.ม.
ดัชนีคุณภาพอากาศของสถานีตรวจวัดของกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่อยู่ในระดับคุณภาพอากาศ ปานกลาง-เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศกรุงเทพมหานครว่า มีหมอกตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ เด็กและผู้ป่วยทางเดินหายใจ หากมีอาการไอ จาม หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือออกกำลัยกายกลางแจ้ง เพราะฝุ่นมีผลต่อสุขภาพโดยตรงต่อผู้ออกกำลังกาย เนื่องจากร่างกายต้องหายใจเร็วขึ้น แรงและลึกกว่าปกติ ทำให้ร่างกายได้รับฝุ่นมากกว่าปกติ ถ้าจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ในพื้นที่ที่คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันตนเอง
ด้านนายวราวุธ ศิลปะอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกินมาตรฐานหลายพื้นที่ต่อเนื่องขณะนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเป็นห่วงประชาชน รัฐบาลโดยคณะกรรมการควบคุมมลพิษวางมาตรการแก้ปัญหาไว้แล้ว และประชาชนควรให้ความร่วมมือด้วย ที่ผ่านมาการแก้ปัญหายังไม่ได้ผล จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น โดยสภาพอากาศและมลพิษที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งเราแก้ที่ปลายเหตุ เมื่อเรารู้ว่าสถานการณ์ฝุ่นยังไม่ดีขึ้นสภาพอากาศแย่มากก็อาจต้องใส่หน้ากากอนามัยติดตัวก่อนออกมาจากบ้าน วันนี้ ตนกับทีมงานใช้คาร์พูล ดังนั้น ถ้าใครบ้านใกล้กันขอให้เอื้อเฟื้อกัน สลับกันใช้รถ
รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯเผยว่า รัฐบาลโดยทส. คณะกรรมการควบคุมมลพิษเตรียมนำมาตรการ แก้ปัญหาฝุ่นเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 มกราคม ที่จะห้ามให้รถบรรทุกเข้ากรุงเทพชั้นใน โดยขีดเส้นไว้ที่ถนนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอกและให้เข้าเฉพาะวันคู่ เป็นการสกัดต้นตอของสาเหตุ เนื่องจากตัวเลขที่ได้รับรายงานในกรุงเทพฯ ปริมาณ PM2.5 ที่เกิดขึ้น 72% มาจากยานพาหนะบนถนน ดังนั้น แต่ละมาตรการที่จะออกมานั้น ต้องเรียงจากการขอความร่วมมือ และเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ทั้งนี้ นายกฯเป็นห่วงความสะดวกของประชาชน ถ้าจะออกมาตรการใดออกมา จึงขอความร่วมมือจากประชาชนด้วย
“มาตรการที่ขอความร่วมมือนี้ ไม่ใช่บังคับใช้ทั้ง 365 วัน เรื่องรถบรรทุก ก็ขอความร่วมมือเพียงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เท่านั้น เพื่อบรรเทาสถานการณ์ พอสภาพอากาศที่เหมือนฝาชีครอบประเทศไทยเปลี่ยนไปมีลมพัดมากขึ้น ก็จะเปิดให้รถวิ่งมากขึ้นเหมือนเดิมเพียงแต่วันนี้สภาพอากาศเป็นเช่นนี้เราทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา เชื่อว่าทุกคนมี จิตสำนึกและความตื่นตัวเรื่องมลภาวะ PM2.5 มาตรการของเราคงไม่ต้องไปถึงการใช้ยาแรง”นายวราวุธกล่าว
สำหรับมาตรการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมมลพิษมีมติเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมานั้น เป็นการยกระดับป้องกันแก้ปัญหามลพิษจากฝุ่นในสถานการณ์วิกฤต โดยเสนอให้ครม.สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติเป็นการด่วน ประกอบด้วย สํานักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปฏิบัติต่อไปนี้ 1.ขยายเขตพื้นที่จำกัดรถบรรทุกดีเซลเข้ากทม. จากวงแหวนรัชดาภิเษก เป็นวงแหวนกาญจนาภิเษก 2.ออกข้อบังคับให้รถบรรทุกดีเซลเข้าเขตพื้นที่ชั้นในของ กทม.ได้เฉพาะวันคู่ ตามช่วงเวลาที่กำหนดช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 3.ยกระดับความเข้มงวดตรวจจับรถควันดำ และ 4.ออกประกาศห้ามใช้รถยนต์ที่มีมลพิษเกินมาตรฐาน
ส่วนกรมการขนส่งทางบกให้ตรวจสอบรถโดยสาร (ไม่ประจำทาง) ทุกคัน โดยเพิ่มชุดตรวจเป็น 50 ชุด ใน 50 เขต ร่วมกับบก.จร.ยกระดับความเข้มงวดการตรวจจับควันดำรถโดยสารและรถบรรทุก และออกคำสั่งห้ามใช้รถ กรมโรงงานอุตสาหกรรมให้ตรวจสอบโรงงานที่มีนัยสำคัญทำให้เกิดฝุ่น ถ้าเกินมาตรฐานให้สั่งหยุดปรับปรุง และขอความร่วมมือโรงงานอุตสาหกรรมลดกำลังผลิตช่วงสถานการณ์ฝุ่นวิกฤติ และเพิ่มแรงจูงใจสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ให้ความร่วมมือลดกำลังการผลิต
ด้านกรุงเทพมหานคร ให้ควบคุมฝุ่นละอองจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า และการก่อสร้างประเภทอื่น ให้เข้มงวดการห้ามเผาในที่โล่งเด็ดขาด ฝ่าฝืนมีบทลงโทษทั้งจำและปรับ ส่วนจังหวัดอื่นยกเว้น 9 จังหวัดภาคเหนือ ให้ออกข้อบัญญัติท้องถิ่นห้ามเผาขยะมูลฝอย หญ้า ตอซังหรือเศษวัสดุทางการเกษตร หรือสิ่งอื่นไม่ว่าจะในที่ดินของตัวเองหรือที่สาธารณะ และเข้มงวดการควบคุมยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม การก่อสร้างต่างๆ
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือลดใช้รถส่วนตัวมาทำงาน รถยนต์ของส่วนราชการต้องผ่านมาตรฐานควันดำทุกคัน ลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกิน 10 ppm (น้ำมันเกรดพรีเมี่ยม) สนับสนุนการให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง สำหรับรถยนต์ที่มีอายุเกิน 5 ปี
ที่กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร(กก.5 บก.จร.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.เปิดโครงการศูนย์ติดตามตรวจวัดรถยนต์ควันดำเพื่อประชาชน อันเนื่องมาจากปัญหาฝุ่น พีเอ็ม 2.5 เกินมาตรฐานหลายพื้นที่รอบตัวเมืองใหญ่ พร้อมปล่อยแถวตำรวจจราจร 102 นาย ออกปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจวัดมลภาวะทั่วทั้งกรุงเทพฯ 17 จุด โดยพล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งของปัญหา PM 2.5 มาจากควันดำที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่นำมาขับขี่บนถนน ตำรวจนครบาลจึงจัดตั้งศูนย์ติดตามการตรวจวัดควันดำโดยบริการตรวจเช็กฟรี เพื่อให้ผู้ใช้รถได้ทราบว่ารถยนต์ของตนเองมีค่าควันดำเกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ หากเกินมาตรฐานจะได้นำรถไปปรับปรุง ซึ่งศูนย์ฯดังกล่าวให้บริการตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม เวลา 09.00-15.00น.ยกเว้นวันอาทิตย์ รวม 3 จุดได้แก่ จุดที่ 1 อาคารประสารราชกิจ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทร. 02-537 8015-6 จุดที่ 2 สถานีตำรวจคู่ขนานลอยฟ้า แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ โทร. 02-8883249 และจุดที่ 3 เต็นท์ให้บริการบริเวณทางคู่ขนานถนนเทพรัตน์ กม. 2 ขาเข้า ระหว่างซอยบางนา 14-16 ก่อนถึงไบเทคบางนา โทร 097-3564146 สำหรับมาตรการบังคับใช้กฎหมายนั้น ตำรวจนครบาลจะตั้งจุดตรวจวัดมลภาวะครอบคลุมทั้งกรุงเทพมหานครรวม 17 จุด เน้นเส้นทางเข้าและออกรอบนอกกรุงเทพฯ เป็นหลัก ป้องกันไม่ให้รถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐานมาใช้ในเขตกรุงเทพฯ
สำหรับมาตรการตรวจสอบทางกฎหมายกับรถควันดำนั้น ปัจจุบันตำรวจได้รับมอบอำนาจจากกรมควบคุมมลพิษที่จะสั่งห้ามใช้รถยนต์ที่มีควันดำเกินมาตรฐาน ซึ่งเกณฑ์ตรวจวัดจะกำหนดค่าควันไม่เกินร้อยละ 50 ด้วยระบบกระดาษกรอง และไม่เกินร้อยละ 45 ด้วยระบบตรวจวัดความทึบแสง หากพบเกินกว่าที่กำหนด ก็จะปิดสติ๊กเกอร์สีเหลืองห้ามใช้ชั่วคราว และนำไปปรับปรุงแก้ไขภายใน 30 วัน ก่อนกลับมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะถูกปิดสติ๊กเกอร์สีแดงสั่งห้ามใช้เด็ดขาด ซึ่งการขับขี่รถยนต์ควันดำเป็นความผิดอาญา มีโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท สำหรับรถขนาดเล็ก และมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท สำหรับรถขนาดใหญ่ ขณะที่ตำรวจสามารถสั่งระงับใช้รถขนาดเล็ก เช่น รถตู้ รถกระบะ รถเก๋ง ตามที่กำหนดตามพ.ร.บ.รถยนต์กำหนดได้ แต่กรมการขนส่งจะสั่งห้ามใช้รถขนาดใหญ่ตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป ตามที่ พ.ร.บ.ขนส่ง กำหนด ซึ่งตำรวจทำได้เพียงออกใบสั่งเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี