รอผลตรวจดีเอ็นเอ
พิสูจน์ผู้ต้องสงสัย
ปล้นร้านทองลพบุรี
หนองคายสแกนยิบ
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ระบุ ยังไม่ทราบผลตรวจผู้ต้องสงสัยปล้นร้านทอง ที่จ.ลพบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจดีเอ็นเอ ส่วนที่ จ.หนองคายตรวจด่านยิบช่วยล่าโจรอมนุษย์ ด้าน ผบ.ตร. สั่งทุกหน่วยดูแลความปลอดภัยช่วงเทศกาลตรุษจีน เน้นย้ำห้ามรับผลประโยชน์
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องสงสัยคดีปล้นชิงทองฆ่า 3 ศพ ที่ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ลพบุรี ได้ที่ จ.หนองคาย ซึ่งจากข้อมูลระบุว่า รูปพรรณ และกระเป๋าที่ผู้ต้องสงสัยรายนี้ใช้ มีความคล้ายคลึงกับคนร้าย โดยล่าสุด พล.ต.ต.ณัฐพล ศุกระศร ผู้บังคับการตำรวจภูธร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า ตำรวจส่งทีมเข้าไปร่วมสอบสวนผู้ต้องสงสัยรายนี้แล้ว โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีกซักระยะในการตรวจสอบ
พล.ต.ต.ณัฐพล บอกว่าตำรวจยังรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จากผู้ต้องสงสัย เพราะมีการเก็บดีเอ็นเอ และตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ผ่านมาหลายวันคนร้ายจะยังใช้กระเป๋าและอุปกรณ์ชิ้นเดิมกับวันเกิดเหตุเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ระบุว่า จะต้องพิสูจน์ทราบทีละประเด็น
แม้ระยะเวลาผ่านมากว่า 11 วัน แต่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ยังให้น้ำหนักว่า เจตนาคนร้ายยังพุ่งเป้าไปที่การชิงทรัพย์ โดยวันนี้เดิมที พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จะมาประชุมติดตามคดีด้วยตัวเอง แต่ติดภารกิจจึงยกเลิกไปก่อน
ส่วนบรรยากาศที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย และเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในด่านพรมแดนฯ ได้ร่วมกันเพิ่มความเข้มในการตรวจทั้งรถและบุคคลที่ผ่านเข้า-ออก ด่านพรมแดนฯ โดยเฉพาะด่านขาออก หลังจากที่ ผบ.ตร.เผยพบชายต้องสงสัยคล้ายคลึงกับคนร้ายชิงทองที่ลพบุรี ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เพื่อป้องกันผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายและเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย ได้ตรวจรถทุกคัน ทั้งรถทะเบียนไทย และทะเบียน สปป.ลาว เน้นรถที่จะเดินทางออกไปที่ สปป.ลาว ทุกคัน
นอกจากนี้ยังได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.หนองคาย เดินปะปนอยู่กับบุคคลที่ผ่านเข้า-ออก ด่านพรมแดนฯ รวมทั้งออกสืบสวนหาข่าวตามจุดจอดเรือประเพณีและจุดผ่อนปรนไทย-ลาว เพื่อเป็นการป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศอีกทางหนึ่ง
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติลงพื้นที่ตรวจตราอย่างเข้มงวด และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมตามสถานที่ช่วงเทศกาลวันตรุษจีน ประจำปี 2563 รวมทั้งการเฝ้าระวังการป้องกันเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ภายใน ธนาคาร ร้านทอง ร้านอัญมณี ร้านสะดวกซื้อ โรงทาน และบริเวณที่ประชาชนเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยในวันไหว้ (24 มกราคม) บริเวณสถานที่ที่มีการจัดกิจกรรมต่างๆ พร้อมทั้งจัดสายตรวจในการดูแลความปลอดภัยบ้านที่อยู่อาศัย และสถานประกอบการต่างๆ ที่มีการปิดทำการ เพื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนพร้อมประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ในการป้องกันอัคคีภัย เนื่องจากมีการไหว้ เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามประเพณี มีการจุดธูปจุดเทียน และเผากระดาษตามคติความเชื่อ ซึ่งอาจจะมีการหลงลืม หรือแรงลมพัด ทำให้เกิดการติดไฟลุกลามขึ้นได้ง่าย
ผบ.ตร. ยังได้ กำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกนาย ห้ามมิให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อื่นใดอันมิชอบในวันตรุษจีนอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ให้ผู้บังคับบัญชาระดับหัวหน้าสถานีอยู่ปฏิบัติหน้าที่ภายในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดเฝ้าระวังกลุ่มบุคคล หรือกลุ่มต่างชาติที่ต้องสงสัย และมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมตามกฎหมายเกี่ยวข้องกับคนเข้าเมือง รวมไปถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการกวาดล้างจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด และขบวนการลำเลียงยาเสพติดที่มักจะฉวยโอกาสในห้วงเวลาดังกล่าว ลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งเป็นแหล่งพักยาเสพติด เพื่อส่งต่อไปยังลูกค้ารายย่อยทั้งในและต่างประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี