ยธ.ลุยแก้ กม.ยาเสพติด ยกบ้านนาสารโมเดลคุมกระท่อม เผยผลประชาพิจารณ์ปลดล็อคกระท่อมเห็นด้วย 99 % วันพุธนี้จะนำเสนอร่าง พ.ร.บ. ให้สำนักงาน ป.ป.ส. พิจารณา
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และนายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษา ป.ป.ส. พร้อมคณะ ลงพื้นที่โรงเรียนท่าชีวิทยาคม ตำบลน้ำพุ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเปิดโครงการศึกษาวิจัยเพื่อสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลพืชกระท่อมพื้นที่นำร่อง ตำบลน้ำพุ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีหน่วยงานราชการท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่รอต้อนรับ
นายสมศักดิ์ กล่าวกับชาวบ้านว่า ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการแก้กฎหมาย พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษปี 2522 ปลดล็อคพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพราะกระท่อมมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดใช้แทนมอร์ฟีน แต่สามารถออกฤทธิ์ได้ดีกว่ามอร์ฟีน 13 - 17 เท่า และนำไปใช้บำบัดเลิกยาบ้า ยาไอซ์ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายทั้งยาแคปซูลแก้ปวดเมื่อย และเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มชูกำลัง แต่ต้องขออนุญาตจากทาง อย.ก่อน
ทั้งนี้ จะเร่งดำเนินการปลดล็อคพืชกระท่อมให้แล้วเสร็จภายในกลางปีนี้ โดยผลการประชาพิจารณ์เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ออกมาเห็นด้วย 99% และในวันที่ 22 ม.ค.นี้จะนำเสนอร่าง พ.ร.บ. ให้สำนักงาน ป.ป.ส. พิจารณา ทำงานการตามขั้นตอนการออกกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
ด้านนายสงคราม บัวทอง กำนันต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี บอกว่าที่นี่เป็นพื้นที่เดียวในประเทศไทย ที่ป.ป.ส. อนุญาตให้ปลูกกระท่อมเพื่อการวิจัยตั้งแต่ปี 2559 โดยมีการควบคุมพืชกระท่อมกว่า 1,500 ต้น ปลูกอยู่ในพื้นที่ 6 หมู่บ้านของ ตำบลน้ำพุ ประกอบด้วย หมู่ 1 บ้านยางอุง หมู่ 2 บ้านน้ำพุ หมู่ 3 บ้านนายาว - ดอนสร้อยทอง หมู่ 4 บ้านดอนทราย หมู่ 5 บ้านหนองต้อ และหมู่ 6 บ้านควนใหม่ โดยมีการควบคุมการปลูกพืชกระท่อมอย่างเข้มงวด ติดบาร์โค้ดทำข้อมูลทุกต้น และมีการกำหนดกติกาประชาคมระดับตำบลควบคุมกันเองอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านรอคอยให้การปลดล็อกพืชกระท่อมมานาน ที่ผ่านมาได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการศึกษาวิจัยพืชกระท่อม เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ หลังจากนี้จะส่งรายงานการวิจัยไปที่ ป.ป.ส. ภาค 8 และรายงานต่อ รมว.ยุติธรรม ต่อไป
ต่อจากนั้นรมว.ยุติธรรม พร้อมคณะเดินทางไปดูต้นกระท่อมแฝดอายุกว่า 100 ปี ของนายสุจิน ชูชาติ อายุ 74 ปี ชาวบ้านวังหล้อ ตำบลนาสาร ซึ่งเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับต้นกระท่อมมานาน โดยนายสุจิน เล่าว่า ต้นกระท่อมแฝดนี้อยู่คู่กับชุมชนมาตั้งแต่เกิด และเคยใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคปวดท้อง ขณะที่นางเพลินพิศ แซ่เขา อายุ 54 ปี บอกว่า ตนป่วยเป็นโรคเบาหวาน จึงต้มน้ำใบกระท่อมกิน ทำให้ระดับน้ำตาลดีขึ้น แต่ยังมีความห่วงใยว่าหากมีชาวบ้านถูกจับกุมคดีครอบครองใบกระท่อมระหว่างรอแก้กฎหมายจะทำอย่างไร ซึ่ง รมว.ยุติธรรมรับปากว่า จะให้ยุติธรรมจังหวัดเข้าไปช่วยดูแลเรื่องการประกันตัว ส่วนในระยะเวลา 3 - 6 เดือนข้างหน้าหากไม่สามารถทำได้ จะนำเงินมาจ่ายให้ประชาชนที่ร่วมกันปลูกและดูแลต้นกระท่อม หรือไม่ก็จะโค่นทิ้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี