แล้งหนักลามรพ.
จ.ชัยนาท-โคราช
ซื้อน้ำบาดาลเอกชน
ทำประปาไว้ใช้เอง
ตั้งศูนย์เฉพาะกิจรับมือภัยแล้ง5 จว.อีสานกลาง หลังน้ำต้นทุนเหลือน้อย ขณะที่โรงพยาบาลหลายจังหวัดเริ่มได้รับผลกระทบหนักอย่างรพ.หนองมะโมง ชัยนาท น้ำใต้ดินเหลือน้อย ต้องซื้อบาดาลจากเอกชนมาผลิตประปา เช่นเดียวกับ 4 รพ.ในโครราช เตรียมพร้อมหาแหล่งน้ำสำรอง ส่วนเขื่อนป่าสักฯลพบุรีน้ำเหลือแค่ 21% ของความจุกระทบท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 22 มกราคม นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาภัยแล้งว่า จากกรณีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งตั้ง“ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขและบรรเทาผลกระทบปัญหาภัยแล้ง ปี 2562/2563” เพื่อหาแนวทางแก้ไขวิกฤติภัยแล้งและบูรณาการช่วยเหลือประชาชน จึงมอบหมายให้สำนักงานชลประทานในพื้นที่ที่มีน้ำต้นทุนน้อยตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขและบรรเทาผลกระทบปัญหาภัยแล้งในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อเป็นศูนย์ประสานการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนถึงสถานการณ์และแนวทางแก้ปัญหา
ตั้งศูนย์เฉพาะกิจรับมือแล้ง5จว.อีสาน
โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดตั้งที่สำนักงานชลประทานที่ 6 เป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ตอนกลางของภาค ปริมาณฝนตกปี 2562 ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ทำให้น้ำต้นทุนน้อย ต้องมีศูนย์ฯดูแลพื้นที่เสี่ยง 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามแผนอย่างเคร่งครัด จะได้มีน้ำใช้พอตลอดฤดูแล้ง โดยเฉพาะน้ำอุปโภค-บริโภคต้องไม่ขาดแคลน ล่าสุดผันน้ำจากเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ สนับสนุนการผลิตน้ำประปาเลี้ยงอ.เมือง จ.มหาสารคามที่ใช้น้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น แต่เขื่อนอุบลรัตน์มีน้ำน้อยมากต้องนำน้ำก้นเขื่อนมาใช้ การผันน้ำจากเขื่อนลำปาวซึ่งมีน้ำมากมาเก็บกักไว้หน้าเขื่อนวังยาง จ.มหาสารคาม เพื่อใช้ผลิตน้ำประปา จึงช่วยลดการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ได้
นายศักดิ์สิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 (ขอนแก่น) กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เปิดศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขและบรรเทาผลกระทบปัญหาภัยแล้งปี 2562/2563 เพื่อดูแลแก้ปัญหาภัยแล้ง 5 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ทั้งนี้ แผนจัดสรรน้ำที่วางไว้เน้นอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศ โดยสามารถสนับสนุนพืชที่ใช้น้ำน้อยบางพื้นที่เท่านั้น
น้ำชีลดต่อเนื่อง-3เขื่อนน้ำแห้ง
สำหรับระดับน้ำท่าของแม่น้ำชี แม่น้ำสายหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางมีแนวโน้มลดลง สถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ เขื่อนอุบลรัตน์ ความจุเก็บกัก 2,431.30 ล้าน ลบ.ม. นำน้ำก้นอ่างมาใช้แล้ว 117.81 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น -6.37% ของความจุอ่าง ระบายวันละ 500,000 ลบ.ม. เขื่อนจุฬาภรณ์ความจุเก็บกัก 163.75 ล้าน ลบ.ม. น้ำใช้การ 6.42 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 5.07% ของความจุอ่าง งดการระบาย และเขื่อนลำปาว ความจุเก็บกัก 1,980 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำใช้การ 1,187.32 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 59.97% ของความจุอ่าง ระบายวันละ 5.01 ล้านลบ.ม. ส่วนแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้ง 2562/2563 (1 พ.ย. 62 – 30 เม.ย. 63) 1,157.001 ล้าน ลบ.ม. จัดสรรแล้ว 340.603 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 29.44% คงเหลือ 816.398 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 70.56% ทั้งนี้ การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง 2562/2563 เพาะปลูกเกินแผนจากที่วางไว้รวม 438,613 ไร่ ปัจจุบันเพาะปลูกแล้ว 567,446 ไร่ คิดเป็น 129.37%
เขื่อนอุบลรัตน์เหลือน้ำน้อยสุดรอบ53ปี
“ภาพรวมกลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนกลาง ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และชัยภูมิ มีปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก จึงต้องบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามแผนจัดสรรน้ำที่วางไว้อย่างเคร่งครัด วันนี้เราเน้นประชาสัมพันธ์เรื่องการใช้น้ำอย่างประหยัด ที่สำคัญคือ น้ำในเขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ และเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น มีน้ำที่อยู่ระดับน้อยมาก โดยเฉพาะเขื่อนอุบลรัตน์ที่มีระดับน้ำเก็บกักเพียง 463.86 ล้าน ลบ.ม. น้อยมากในรอบ 53 ปี กรมฯจึงผันน้ำจากเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มาช่วยเขื่อนอุบลรัตน์ ตามมาตรการช่วยเหลือภัยแล้ง โดยส่งน้ำไปช่วยพื้นที่ที่ต้องการใช้น้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อลดการใช้น้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ให้น้อยกว่าแผนเดิม”นายศักดิ์สิริกล่าว
รพ.หนองมะโมงซื้อบาดาลมาผลิตประปา
อีกด้านหนึ่งสถานการณ์ภัยแล้ง เริ่มส่งผลกระทบอย่างหนักต่อโรงพยาบาลหนองมะโมง จ.ชัยนาท เพราน้ำใต้ดินเหลือน้อยทำให้แหล่งน้ำบาดาลของโรงพยาบาลที่ใช้สูบน้ำขึ้นมาผลิตน้ำประปา 2 แห่ง มีน้ำไม่พอ สูบน้ำได้เพียงวันละ 23,000 ลิตร ขณะที่โรงพยาบาลต้องการใช้น้ำวันละ 40,000-50,000 ลิตร ทำให้โรงพยาบาลต้องซื้อน้ำบาดาลจากแหล่งน้ำของเอกชนทุกวันๆละ 20,000 ลิตร เข้าไปเก็บไว้ในถัง เพื่อใช้ผลิตน้ำประปา นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังขอรับการสนับสนุนจากเทศบาลตำบลหนองมะโมง ให้นำรถบรรทุกน้ำไปช่วยขนน้ำมาเติมในถังทุกวัน ส่วนสำนักงานชลประทานที่ 12 จะนำรถบรรทุกน้ำไปขนน้ำมาเติมให้ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยโรงพยาบาลให้มีน้ำใช้เพียงพอ ไม่กระทบผู้ป่วยและการรักษา
4รพ.โคราชเสี่ยงเร่งหาแหล่งน้ำสำรอง
เช่นเดียวกับจ.นครราชสีมา ภัยแล้งส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลแก้งสนามนาง จะขาดน้ำในเดือนกุมภาพันธ์ จึงประสานของบขุดเจาะบ่อบาดาล เพราะเกรงว่าจะไม่ทัน ขณะที่โรงพยาบาลเทพารักษ์ จะขาดน้ำเดือนมีนาคม จึงประสานจังหวัดจัดหาน้ำดิบมาเติมในถังเก็บน้ำ พร้อมหางบประมาณขุดเจาะบ่อบาดาลเป็นการด่วน ส่วนโรงพยาบาลบ้านเหลื่อม คาดว่าจะประสบปัญหาเดือนเมษายน โดยขอสนับสนุนงบโครงการสร้างระบบประปาทดแทน และงบสร้างถังเก็บน้ำใสสำรองขนาด 300 ลบ.ม. 3 ชุด และโรงพยาบาลบัวลาย จะประสบปัญหาในเดือนเมษายน เร่งประสานขุดเจาะบ่อบาดาล 2 บ่อ และจัดทำประปาผิวดิน เตรียพมร้อมรับมือก่อนเกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม มีมาตรการเตรียมความพร้อมและแก้ปัญหาภัยแล้งในโรงพยาบาล โดยทำแผนสำรองน้ำให้เพียงพอ ประสานหน่วยงานปกครองท้องถิ่นจัดหาแหล่งน้ำสำรอง หรือจุดเจาะบ่อบาดาล เพื่อไม่ให้กระทบการบริการผู้ป่วย และรณรงค์ช่วยกันประหยัดน้ำ
กาฬสินธุ์ทุ่มซื้อเครื่องสูบน้ำเลี้ยงต้นข้าว
ที่ทุ่งนาบ้านโนนนาค-บ้านเชียงสา ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ชาวนานำเครื่องสูบน้ำ และอุปกรณ์ชักน้ำจากคลองน้ำป่า เพื่อดึงน้ำลงสู่แปลงนา สำหรับหล่อเลี้ยงต้นข้าว และทำนาปรัง สอบถามนายชด ภูสีเขียว อายุ 50 ปี ชาวนาบ้านเชียงสากล่าวว่า ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่ใช้น้ำชลประทานลำปาว แต่พื้นที่นาของตนและเพื่อบ้านอยู่ห่างคลองชลประทานสายหลักเกือบกิโล และไม่มีคลองสายรองหรือคลองไส้ไก่ จึงต้องลงทุนซื้อสายยางมาต่อเป็นท่อ ลำเลียงน้ำจากคลองน้ำป่ามาเข้าแปลงนาระยะทางกว่า 500 เมตร ช่วงกลางคืนต้องมานอนเฝ้าเครื่องสูบน้ำ ป้องกันมิจฉาชีพ ลำบากมาก ถ้าไม่ทำก็ขาดรายได้ ปีนี้ลงทุนไปหลายหมื่นบาท ทั้งซื้ออุปกรณ์สูบน้ำ และเมล็ดพันธุ์ ที่ต้องเร่งสูบน้ำเพราะกลัวน้ำในคลองจะแห้งหมด ทั้งนี้ อยากขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือชลประทานเข้ามาพัฒนา โดยตัดเป็นคลองสายรองหรือคลองไส้ไก่บ้าง เพื่อจะได้น้ำคลองไปใช้อย่างสะดวกเหมือนชาวนาคนอื่น
เขื่อนป่าสักฯน้ำน้อยสุดรอบทศวรรษ
ส่วนสถานการณ์น้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเช่นกัน จากปกติช่วง เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี ถือเป็นช่วงไฮซีซั่น ของเขื่อนป่าสักชลสิทธ์ ซึ่งที่จะเป็นช่วงน้ำเต็มเขื่อน มีน้ำไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ของความจุ แต่ในหน้าฝนปีที่ผ่านมาฝนตกน้อยกว่าที่คาดการณ์ โดยเฉพาะพื้นที่รับน้ำตอนบนเของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีค่าเฉลี่ยปริมาณต่ำสุดในรอบหลาย 10 ปี ส่งผลให้ปริมาณน้ำกักเก็บน้อยลงตามไปด้วย ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการรอบเขื่อนรายได้ลดลง เพราะนักท่องเที่ยวมาน้อย
นายอภิรักษ์ ศรีกุลวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ระบุว่า สถานการณ์ฝนน้อยในปีที่ผ่านมา ทำให้ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เก็บน้ำได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งปัจจุบัน มีปริมาณน้ำเหลืออยู่เพียง 207.96 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ ร้อยละ 21 ของความจุ โดยไม่มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือนแล้ว แต่เขื่อนยังต้องปล่อยน้ำเฉลี่ยวันละ 4-5 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อรักษาระบบนิเวศน์ และอุปโภคบริโภค
แก่งคุดคู้แห้งขอดท่องเที่ยวได้อานิสงส์
ที่แก่งคุดคู้ อ.เชียงคาน จ.เลย เกิดปรากฎการณ์น้ำโขงแห้งขอดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายสิบปี นายอดุลย์ ผลคำ ผู้ใหญ่บ้านน้อย ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลยเผยว่า ระดับน้ำโขงปีนี้แห้งเร็วกว่าทุกปี นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในรอบหลายสิบปี ส่งผลให้วิถีชีวิตวิถีชุมชนของคนในท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงอย่างมากน่าจะมาจากความแห้งแล้ง
สอดคล้องกับนายอภินันท์ สุวรรณโค รักษาการนายอำเภอเชียงคานที่ระบุว่า ระดับน้ำโขงช่วงนี้ลดลงมากวันนี้วัดได้ 3.40 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 12.60 เมตร ส่วนบริเวณจุดอื่นต่ำกว่านี้มาก มีผลกระทบกับชุมชนถือว่ายังปกติทั้งน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคการประปาส่วนภูมิภาคอำเภอเชียงคานยืนยันว่ายังไม่เดือดร้อน ยังให้บริการน้ำประปาในอ.เชียงคานได้เป็นปกติ แต่ระดับน้ำที่แห้งนั้นก็มีผลดีกับการค้าการบริการอาหาร สินค้าที่ระลึก ตามแหล่งท่องเที่ยวเพราะมีหาดทรายขาว นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำโขงคลายร้อน สะดวกและปลอดภัย.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี