22 มกราคม 2562 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ให้นโยบายระดมความช่วยเหลือเต็มความสามารถทุกหน่วยงานในการเข้าถึงแก้ไขบรรเทาปัญหาประชาชนประสบสถานการณ์ภัยแล้ง ซึ่งสถานการณ์น้ำปีนี้มีน้อยกว่าปีที่แล้วกว่า7พันล้าน ลบ.ม. โดยเราสามารถบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูแล้งนี้เข้าสู่เดือนที่3 มีการใช้น้ำทั่วประเทศไปแล้ว 43% ได้ใช้น้ำไปแล้ว7พันล้านลบ.ม. จากน้ำต้นทุนที่จัดสรรไว้ช่วงหน้าแล้งตั้งแต่ 1พ.ย.62-30 เม.ย.63 ในส่วน22จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำแล้ว51% จาก 4 เขื่อนหลัก(ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อย ป่าสัก) ซึ่งยืนยันว่าสำหรับน้ำดิบป้อนการประปานครหลวง มีเพียงพอแน่นอนให้กับประชาชน กรุงเทพฯและปริมณฑล กว่า10ล้านคน ที่เป็นความทุ่มเทและตั้งใจของกระทรวงเกษตรฯ
ขณะที่นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน กรมชลประทาน กล่าวว่าการจัดสรรน้ำทั่วประเทศ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะสิ้นสุดฤดูแล้ง 30 เม.ย. 63 และได้วางแผนสำรองน้ำไว้ อุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศ จนถึงเดือนก.ค.63 เผื่อกรณีเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าปริมาณฝนปีนี้ มาช้าและตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ย5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ล่าสุด ปริมาณน้ำใช้การได้ทั่วประเทศ มีประมาณ 2.3 หมื่นล้านลบ.ม. หรือ45% ได้ใช้มาจากเดือน พ.ย.62 ซึ่งยังไม่เกินแผน โดยดูภาพรวมทั้งประเทศ จะมีน้ำสำรอง ไว้ใช้จนถึงเดือนก.ค.อีก1.1หมื่นล้านลบ.ม. ขณะนี้ระบายไปแล้ว7 พันล้านลบ.ม.
สำหรับพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก มีน้ำใช้การได้ 3.9 พันล้านลบ.ม. หรือ 22% วางแผนผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง กว่า 500 ล้านลบ.ม. มาช่วยลุ่มเจ้าพระยา เพราะมีการใช้น้ำเกินแผน 7% เนื่องจากฤดูฝน ที่ผ่านมาทำนาปี ได้ช้ากว่าเดิม เพราะประสบภัยแล้งมาจึงบริหารจัดการน้ำ เสริมให้ไป
“ปริมาณน้ำ 3.9พันล้านลบ.ม. เหลือช่วงฤดูแล้งอีก 100 วัน สิ้นสุดฤดูแล้ง 30 เม.ย. คงการระบายวันละ18ล้านลบ.ม. ไม่สนับสนุนปลูกข้าวนาปรังโดยจะระบาย 1.8พันล้าน เหลือน้ำสำรองไว้ต้นฤดู 1.1พันล้านลบ.ม. ยืนยันว่าปริมาณน้ำลุ่มเจ้าพระยา เพียงพอกินใช้ รักษาระบบนิเวศ ผลักดันน้ำเค็ม และสำรองไว้ต้นฤดูฝนแน่นอน ในเรื่องน้ำเค็ม รุกตัวในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ผ่านมาบางช่วงไม่อาจสูบน้ำได้ และน้ำประปามีรสกร่อย หลังปีใหม่ ได้เพิ่มระบายน้ำมาชะลอความเค็ม ทำให้การประปา สูบไปใช้ได้ ควบคุมค่าความเค็มได้ สามารถสูบได้ 24ชม. ระดับความเค็มไม่เกิน 0.5 กรัมต่อลิตร หากเกินการประปาจะหยุดสูบ แม้ว่าช่วงปีใหม่ เกิดปัญหาความเค็มเกินหลายชั่วโมง ในขณะนี้สามารถคุมได้ ผันน้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน และมาลงแม่น้ำเจ้าพระยา รวม 110 ลบ.ม.ต่อวินาที และรับมือน้ำทะเลหนุนสูง 24-26 ม.ค.นี้ น้ำทะเลหนุนสูงอีกครั้ง แต่ไม่สูงเท่าต้นเดือน-กลางเดือน ที่ผ่านมา จะไม่เกิดปัญหาความเค็มเข้าระบบประปา” นายสัญญา กล่าว
สำหรับปัญหาน้ำดิบขาดแคลนผลิตประปาอ.เมือง ฉะเชิงเทรา อ.บางประกง ได้เพิ่มน้ำจากคลองชัยนาท -ป่าสัก ลงคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต เพิ่มน้ำจากเขื่อนนฤบดินทรจินดา หรือเขื่อนห้วยโสมง พร้อมกับการประปาภูมิภาค ประสาน บริษัทอิสวอเตอร์ สนับสนุนน้ำมาเพิ่มด้วย ในส่วนภัยแล้งในพื้นที่อีสานได้แก้ไขความ เดือดร้อนน้ำกินใช้ ที่จ. บุรีรัมย์ สูบน้ำจากลำปลายมาศ มาลงอ่างห้วยจระเข้มาก และ รพ.สุรินทร์ มีน้ำให้เพียงพอ เพราะอ่างห้วยเสนง มีน้ำมาก รวมทั้งเขื่อนอุบลรัตน์ ลดระบายเหลือวันละ5แสนลบ.ม. เพื่อสนับสนุนประปา พร้อมกับบริหารจัดสูบน้ำจากเขื่อนลำปาว ที่มีน้ำมากไปช่วยทำให้ลดการระบายจากเขื่อนอุบลรัตน์ ได้ 6 ล้านลบ.ม.ช่วงฤดูแล้งนี้
เมื่อถามถึงสถานการณ์พายุ ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน นายสัญญา กล่าวว่าอาจมีพายุฤดูร้อน เข้ามาช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ได้ฝนมาช่วยคลีคลาย สถานการณ์ภัยแล้ง ส่วนพายุจร ยังค่อนข้างไกล ทั้งนี้ตามปกติ จะมีพายุเข้ามาทุกปี ส่วนฝนตกล่าช้า ต่ำกว่าเกณฑ์ อาจกระทบพื้นที่นาปรังกว่า 1.71ล้านไร่ ที่เกษตรกร ทราบดีถึงสถานการณ์น้ำ ว่าจะต้องช่วยเหลือตัวเอง และปัญหาระหว่างรายทางมีการสูบ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กองทัพภาค ลงพื้นที่ทุกจุด ขอความร่วมมืองดสูบน้ำ และพื้นที่เก็บเกี่ยวไปแล้ว อย่าปลูกต่อเนื่อง ซึ่งวิกฤติภัยแล้งปีนี้ยังเป็นอันดับ2 เทียบจากปริมาณฝนตกต่ำจากเกิดวิกฤติแล้งที่สุดของประเทศไทยปี 22 ในรอบ 60 ปี
“เฝ้าระวังวันที่ 24-26 ม.ค.น้ำทะเลหนุนสูงอีกรอบ ที่ผ่านมาดึงน้ำแม่กลอง ไปแล้ว มาเสริมผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา 300 ล้านลบ.ม. เหลืออีก 500 ล้านลบ.ม. ซึ่ง รมว.เกษตรฯได้ให้นโยบายไปแล้วว่าสามารถดึงน้ำแม่กลอง มาเพิ่มได้อีกเพราะมีการ วิเคราะห์แล้วว่าถ้าดึงมาได้ไม่มีผลกระทบกับประชาชน เกษตรกร ลุ่มน้ำแม่กลอง” นายสัญญา กล่าว
นายสัญญา กล่าวว่าสถานการณ์น้ำมีแนวโน้มที่พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 12 ทุ่ง จะงดแผนปรับเลื่อนเวลาเพาะปลูกก่อน และทุ่งบางระกำ ที่แผนเดิมปลูกก่อนในวันที่ 1 เม.ย. อาจงดไป ให้กลับไปเพาะปลูกตามฤดูกาล ให้มีฝนต้องตกตามฤดูกาลก่อนจึงลงมือเพาะปลูก เพราะปริมาณน้ำที่จะนำมาให้ปลูกก่อนไม่เพียงพอ การเพาะปลูกรอบใหม่ต้องรอน้ำฝน อย่างไรก็ตามจะประชุมกับทุกหน่วยงานภายในเดือนก.พ.นี้ หารือในเรื่องการประกาศเลื่อนปลูกข้าวนาปี หรือไม่ เนื่องจากปริมาณฝนตกต่ำกว่า ค่าเฉลี่ย ในเดือนพ.ค.- มิ.ย. ประมาณ 5% ส่วนการเพาะปลูกข้าวนาปี ลุ่มเจ้าพระยา อาจเริ่มตามฤดูกาลเดือนระหว่างเดือน พ.ค. -มิ.ย.เช่นกัน ทั้งนี้พื้นที่22จังหวัดเจ้าพระยา ต้องสำรองน้ำไว้ใช้อีก3เดือน ให้ถึงเดือน ก.ค.63
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี