ภัยแล้งลาม ชาวนาพิจิตรหยุดปลูกข้าว-วัวขาดแคลนหญ้า ผู้ว่าฯสุโขทัยประกาศช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง 4 อำเภอ ด้านวิศวกรกรมชลฯยันมีแผน
สำรองน้ำถึงเดือนกรกฎาคมนี้ จ่อถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลื่อนทำนาปี
เมื่อวันที่ 22 มกราคมผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติ ใน จ.พิจิตร ว่า น้ำได้แห้งขอดลงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน ต.หนองปลาไหล อ.วังทรายพูน ซึ่งเป็นพื้นที่สูงและอยู่นอกเขตชลประทาน โดยแหล่งน้ำตามบ่อธรรมชาติแห้งลง พื้นดินแตกระแหงจนไม่เหลือน้ำในบ่อกักเก็บ เกษตรกรส่วนใหญ่ต้องปล่อยแปลงนาข้าวทิ้งร้าง ไม่เสี่ยงทำนาโดยการหยุดทำการเกษตรทำการพักดินในพื้นที่ทำนา หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว เพื่อรอฤดูกาลทำการเกษตรช่วงหน้าฝน จากการสำรวจพบว่าภายหลังแหล่งน้ำที่แห้งขอดลง เกษตรกรส่วนใหญ่ต้องหยุดทำการเกษตรอย่างสินเชิง หลังจากปลูกข้าวนาปี โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเขตชลประทาน อ.ตะพานหิน อ.วังทรายพูน อ.ทับคล้อ และ อ.สากเหล็ก มีพื้นที่ติดกับเทือกเขาเพชรบูรณ์ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้หลักของเกษตรกรที่ทำการเกษตรไม่ได้ เนื่องจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีไม่เพียงพอ
ขณะที่เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวในพื้นที่หมู่ 2 บ้านวังแดง ต.สามง่าม อ.สามง่าม จ.พิจิตร ต้องนำวัวที่เลี้ยงไว้กว่า40ตัว มาหาแหล่งอาหารโดยเฉพาะแหล่งหญ้าไกลจากจุดเลี้ยงเดิมกว่า2กิโลเมตร เนื่องจากแหล่งน้ำที่ลดลงจนทำให้แหล่งอาหารอย่างหญ้าสีเขียวลดน้อยลง ประกอบกับพื้นที่การเกษตรมีเกษตรกรทำนา จนทำให้แหล่งอาหารลดลงไปด้วย
นายสมยศ จันสา เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวบ้านวังแดง ต.สามง่าม อ.สามง่าม กล่าวว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตแม่น้ำยม ปัจจุบันแหล่งน้ำแห้งขอดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้แหล่งอาหารของสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะหญ้าในพื้นที่การเกษตรแห้งตาย สร้างความเดือดร้อนกับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ ที่ขาดแหล่งอาหาร ส่งผลกระทบกับการเลี้ยงวัว ต้องต้อนวัวออกมาหาแหล่งอาหารไกลกว่าเดิม
ส่วน จ.สุโขทัย นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ว่าขณะนี้จังหวัดได้ประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน(ภัยแล้ง)ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 แล้ว 4 อำเภอ 16 ตำบล 91 หมู่บ้าน 4,659 ครัวเรือน ได้แก่ อ.เมือง อ.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสำโรง และ อ.คีรีมาศ ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่ยังไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบผลิตประปาทั้งในและนอกเขตบริการของการประปาส่วนภูมิภาค แต่ผลกระทบหลักคือน้ำการเกษตร มีพื้นที่เสียหายแล้ว 27,261 ไร่
สำหรับพื้นที่ทำการเกษตรไม่สามารถจัดสรรน้ำให้กับการเพาะปลูกได้อีก เนื่องจากน้ำต้นทุนมีน้อยต้องเก็บไว้เพื่ออุปโภคบริโภคเป็นหลัก อีกทั้งแม่น้ำยม แม่น้ำสายหลักของ จ.สุโขทัย ลดลงอย่างรวดเร็ว บางช่วงแห้งขอดเป็นเนินทราย จึงต้องขอความร่วมมือเกษตรกรปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทนไปก่อน
ทั้งนี้ หลายหน่วยงานได้ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ รวมถึงหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 33 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา นำกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์และเครื่องจักรกล ดำเนินการขุดสระในลำน้ำยม พื้นที่บ้านวังทอง หมู่ 1 ต.วังทอง อ.ศรีสำโรง เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และผลิตน้ำประปาให้กับราษฎร หากแล้วเสร็จจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของการใช้น้ำ ทั้ง 2 หมู่บ้าน 470 ครัวเรือน
วันเดียวกัน นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน กรมชลประทาน กล่าวว่าการจัดสรรน้ำทั่วประเทศ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และได้วางแผนสำรองน้ำถึงเดือนกรกฎาคมนี้ เผื่อเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง โดยปริมาณน้ำใช้การได้ทั่วประเทศมีประมาณ 2.3 หมื่นลานลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือ 45% ที่ใช้จากเดือนพฤศจิกายน 2562 สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก มีน้ำใช้การได้ 3.9 พันล้าน ลบ.ม.หรือ 22% ยืนยันว่าปริมาณน้ำมีเพียงพออุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ ผลักดันน้ำเค็ม และสำรองไว้ต้นฤดูฝนแน่นอน ส่วนเรื่องน้ำเค็มรุกเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ผ่านมาบางช่วงไม่อาจสูบน้ำได้ แต่ได้เพิ่มการระบายน้ำชะลอความเค็ม ทำให้การประปาสูบไปใช้ได้ ควบคุมความเค็มไม่เกิน 0.5 กรัมต่อลิตร
สำหรับปัญหาน้ำดิบขาดแคลนในการผลิตประปาที่ จ.ฉะเชิงเทรา ได้เพิ่มน้ำจากคลองชัยนาท-ป่าสัก เพิ่มน้ำจากเขื่อนนฤบดินทรจินดา เพื่อแก้ไขปัญหา ส่วนภัยแล้งในพื้นที่อีสาน ได้เร่งแก้ไขความเดือดร้อนด้านน้ำอุปโภคบริโภค โดยที่ จ.บุรีรัมย์ สูบน้ำจากลำปลายมาศ มาลงอ่างห้วยจระเข้ และ รพ.สุรินทร์ มีน้ำให้เพียงพอ รวมทั้งเขื่อนอุบลรัตน์ ลดระบายน้ำเหลือวันละ 5 แสน ลบ.ม.เพื่อสนับสนุนประปา พร้อมกับบริหารน้ำโดยสูบน้ำจากเขื่อนลำปาว ที่มีน้ำมาก ไปช่วย
นายสัญญา กล่าวถึงสถานการณ์พายุที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ว่าอาจมีพายุเข้ามาช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ ซึ่งจะได้ฝนมาคลี่คลายสถานการณ์ภัยแล้ง ส่วนพายุจรยังค่อนข้างไกล ตามปกติจะมีพายุเข้ามาทุกปี ส่วนฝนตกช้าต่ำกว่าเกณฑ์อาจกระทบพื้นที่ทำนาปรังกว่า 1.71 ล้านไร่ แต่เกษตรกรทราบดีถึงสถานการณ์น้ำ ซึ่งปัญหารายทางมีการสูบน้ำนั้น ขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด และทุกภาคส่วนร่วมมือขอให้งดสูบน้ำ ส่วนพื้นที่เก็บเกี่ยวแล้วอย่าปลูกต่อเนื่อง
นายสัญญา กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะมีการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยหารือเรื่องการประกาศเลื่อนปลูกข้าวนาปี เนื่องจากปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ประมาณ 5% ส่วนการเพาะปลูกข้าวนาปีลุ่มเจ้าพระยา อาจเริ่มตามฤดูกาลเดือนระหว่าง 2 เดือนนี้เช่นกัน ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ 22 จังหวัด ลุ่มเจ้าพระยา ต้องสำรองน้ำไว้ใช้อีก 3 เดือน ให้ถึงเดือน กรกฎาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี