ยันมีนํ้ายาแก้ฝุ่น
‘บิ๊กตู่’ฮึ่มใช้จริงจะเดือดร้อน
กทม.ยังคลุ้งรอลุ้นฝนชะ
เร่งแจกหน้ากากอนามัย
ตจว.ลอบเผาPMทะลุ200
นายกฯโต้ครหา! ยันรัฐบาลมีน้ำยาแก้ฝุ่น แต่ไม่อยากใช้เดี๋ยวจะเดือดร้อน ฟุ้งชูเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมวางแผนแก้ไขมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว วอนทุกคนเข้าใจ ปฏิบัติตามกฎหมาย ย้ำเอาจริงสั่งจับรถควันดำห้ามวิ่งทุกคัน ด้านกทม.ค่าฝุ่นยังเกินมาตรฐาน 10 เขต ศูนย์บริการสาธารณสุข-สำนักงานเขต นำหน้ากากอนามัยแจกประชาชนชั่วโมงเร่งด่วน นำร่องสถานีรถไฟฟ้า
เมื่อวันที่ 23 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพประชาชนเป็นอันดับแรก แต่มาตรการที่ออกมาจะทำอย่างไรให้ได้รับการยอมรับ ไม่เช่นนั้นเมื่อออกมาตรการหรือบังคับใช้กฎหมายไปแล้วถูกต่อต้าน เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย เรามีกฎหมายทุกตัว แต่กฎหมายพื้นฐานบางฉบับบังคับใช้ยาก เพราะมีคนได้รับผลกระทบ
นายกฯยันชูฝุ่นวาระชาตินานแล้ว
นายกฯกล่าวต่อว่า รัฐบาลมีแผนแก้ปัญหาฝุ่นมานานแล้ว มีกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2562-2567 วันนี้รัฐบาลเข้าไปจัดหาจัดซื้อและแจ้งประชาชนทราบให้เฝ้าระวังและให้ความร่วมมือ โดยสั่งการให้ตรวจโรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่งแล้ว ที่ไหนต้องปรับปรุงก็ปิดปรับปรุงเมื่อดีขึ้นค่อยเปิดทำงานต่อ เท่าที่ได้รับรายงานวันนี้ ก็ยังไม่เกินมาตรฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรีนพีซเรียกร้องรัฐบาลให้กำหนดการแก้ปัญหาฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติ และควบคุมการปล่อยมลพิษ นายกฯกล่าวว่า เรื่องวาระแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบในขั้นต้นไปแล้ว มีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ปัญหาฝุ่น ปี 2562-2567 เคยชี้แจงไปครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนแนวคิดตั้งเครื่องฟอกอากาศนั้น ตอนนี้ให้ตรวจสอบว่าจะได้ผลหรือไม่อย่างไร แต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน ต้องเห็นใจรัฐบาลบ้าง ความต้องการแต่ละคนต่างกัน จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน รัฐบาลออกอะไรที่เข้มงวดไป แล้วเกิดการต่อต้านไม่ปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ก็ทำงานไม่ได้ ขอให้คิดตรงนี้และต้องสร้างความรับรู้ให้ครบทุกมิติ
ย้ำจับรถควันดำห้ามวิ่งทุกคัน
“ในส่วนยานพาหนะ ผมย้ำให้จับรถทุกคันที่มีควันดำ ไม่ว่าจะรถกี่ปีก็ว่ากันไป ตอนนี้จับทุกคันห้ามวิ่ง ให้หยุดวิ่ง หลายอย่างที่เป็นยาแรง ต้องยอมรับว่าเป็นนโยบายสาธารณะ กฎหมายเพื่อประชาชน เราต้องพยายามใช้กฎหมายนี้ ไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนมากที่สุด วันนี้เราต้องทำความเข้าใจว่า PM2.5 เกิดจากอะไร ช่วงเวลาไหนมากน้อยเพียงใด พื้นที่ไหน และมีมาตรการเฉพาะลงไปในแต่ละระดับ ตอนนี้อยู่ในขั้นระดับ 1-2 เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) จริงๆฝุ่นเป็นพิษกับทุกคน ถ้าแข็งแรงพอก็จะต้านทานได้มาก คนที่มีภูมิคุ้มกันต่างกันก็ต้องระวังตัวเอง จึงตองแยกเป็น 2 ส่วนคือ กฎหมายและการเตรียมการของประชาชน รัฐบาลไม่สามารถสั่งใครได้ทั้งหมด จะสั่งให้ใส่หน้ากากทุกคนแบบนี้มีผลกระทบทั้งสิ้น” นายกฯกล่าว
และว่า อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เช้าวันนี้ค่าฝุ่นอยู่ที่ 50-60 มคก./ลบ.ม. จะบอกว่าไม่มีอันตรายก็ไม่ใช่ เพราะมีอันตรายสำหรับคนบางกลุ่ม การแก้ปัญหาของบางประเทศใช้เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่หรือใช้โดรน ต้องดูว่าเราจะเดินหน้าไปสู่ตรงนั้นได้อย่างไร ต้องมีขั้นตอนตามลำดับ
รบ.มีน้ำยาวางแผนมา2ปีแล้ว
นายกฯยังย้ำด้วยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาฝุ่นมาตั้งแต่สองปีที่แล้ว หาเครื่องมือมีแผนเตรียมการตลอด วันนี้ ก็ทยอยจัดหาเครื่องมือให้ตามลำดับ สิ่งสำคัญคือ ต้องสร้างการรับรู้ทุกภาคส่วนข้อง เช่น ถ้าจะห้ามเผาไร่นา แล้วจะกำจัดตอซังอย่างไร
“รัฐบาลช่วยเหลือได้ ถ้ามีการรวมกลุ่มขึ้นมา หลายคนก็บอกว่ารัฐบาลไม่มีน้ำยา มันมีหมดน้ำยาถ้าจะใช้ แต่มันเดือดร้อน ท่านต้องยอมรับว่า ประเทศไทยมีคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย คนรายได้มาก รายได้ปานกลาง รายได้น้อย กิจกรรมแต่ละอันมีผลกระทบซึ่งกันและกันทั้งสิ้น รถบรรทุกก็มีเรื่องขนสินค้าอุปโภค บริโภค เข้ามาในเขตกรุงเทพฯ รถควันดำก็ต้องหยุดวิ่งได้หรือไม่ ต้องยอมรับว่า ทำเข้มงวดมากขึ้นต่อไปจะตามด้วยค่าขนส่งที่แพงขึ้น สินค้าอุปโภคแพงขึ้น คิดให้เป็นอย่างนี้ อย่ามาคิดเป็นเสี้ยวๆ เศษๆ แล้วก็ตีกันไป นี่เป็นนโยบายสาธารณะถ้าเอาทุกอย่างมาตีกันอยู่อย่างนี้ไม่ได้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
กทม.ยังเกินมาตรฐาน10เขต
วันเดียวกัน กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กทม.รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานคร ช่วง 11.00 น. เฉลี่ย 24 ชั่วโมง วัดได้ 36 – 68 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐาน 10 เขตคือ เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : 68 มคก./ลบ.ม., เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่พลาซ่า : 52 มคก./ลบ.ม. เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : 55 มคก./ลบ.ม., เขตบางกะปิ ข้างป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงานเขตบางกะปิ : 56 มคก./ลบ.ม., เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลลาดกระบังข้างป้อมตำรวจ : 55 มคก./ลบ.ม., เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : 53 มคก./ลบ.ม., เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขต : 52มคก./ลบ.ม., เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : 54 มคก./ลบ.ม., เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : 53 มคก./ลบ.ม. และเขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : 59 มคก./ลบ.ม.
แจกหน้ากากอนามัย-ล้างถนน
ดัชนีคุณภาพอากาศของสถานีตรวจวัดของกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ ปานกลาง-เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศวันนี้ กรุงเทพมหานครมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ขอให้ประชาชนทั่วไปในบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศเกินมาตรฐานให้เฝ้าระวังสุขภาพ พร้อมทั้ง มอบหมายให้ศูนย์บริการสาธารณสุขและสำนักงานเขตพื้นที่นำหน้ากากอนามัยแจกประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ในการสัญจรเดินทางช่วงเวลาเร่งด่วน เวลา 06.00-09.00 น. และเวลา 16.00-19.00 น. จะนำร่องที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต สถานีรถไฟฟ้าสยาม สถานีรถไฟฟ้าอโศก สถานีรถไฟฟ้าราชเทวี สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ และสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า
นอกจากนี้ สำนักงานเขตต่างๆ จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาด ออกล้างถนน ฉีดพ่นละอองน้ำ บริเวณถนนสายหลัก เช่น ถนนหทัยราษฎร์ เขตมีนบุรี มีการฉีดล้างถนน ป้ายรถโดยสาร ป้ายจราจร ทางเท้า สะพานลอย บริเวณถนนรามคำแหงและถนนสีหบุรานุกิจ เพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองใน เขตธนบุรี
โคราชตั้งนำจับมือเผา5พันบาท
ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ว่าขณะนี้หลายพื้นที่ยังมีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานอยู่ที่ 50-60 มคก./ลบ.ม. ซึ่งจังหวัดพยายามรณรงค์ลดค่าฝุ่นอย่างจริงจัง สาเหตุที่ทำให้ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เกินกว่ามาตรฐานกำหนด มี 2 เรื่องหลักคือ การเผาพื้นที่การเกษตรและเผาป่า ซึ่งได้มีการเข้มงวดอย่างจริงจัง ทั้งติดตามจับกุมผู้ที่เผาพื้นที่การเกษตรเพื่อเป็นการป้องปราม และ2.เรื่องการจราจรในเขตพื้นที่เมือง ซึ่งได้เข้มงวดการตรวจวัดควันดำ เพื่อจับกุมรถที่มีควันดำเกินกว่ากฎหมายกำหนด ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา และจากรายงานของสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ตรวจจับรถที่มีควันดำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ได้ 120 คัน ซึ่งไสั่งระงับใช้ เพื่อให้ไปปรับปรุงแก้ไขแล้ว นอกจากนี้ ยังตั้งรางวัลนำจับรายละ 5,000บาท สำหรับประชาชนที่แจ้งเบาะแสในกรณีพบเห็นหรือรู้เบาะแสผู้เผาป่า หรือพื้นที่เกษตร จนเกิดมลพิษทางอากาศ และนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดีได้
ดอยเต่าค่าPM2.5ทะลุ200มคก.
เช่นเดียวกับ อีกหลายจังหวัดที่พบมีการลักลอบเผาหลายจุด ส่งผลค่าฝุ่นกระทบสุขภาพ อย่างจ.เชียงใหม่ ยังมีการยังลอบเผาในที่โล่งแจ้งหลายจุด โดยเฉพาะอำเภอรอบนอก ทำให้ระดับ PM 2.5 ยังกระจายหลายพื้นที่มากถึง 29 จุด ทั้งในระดับสีส้ม สีแดงและสีม่วง สูงสุดอยู่ที่องค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต.) บงตัน อ.ดอยเต่า PM2.5 รายชั่วโมง เมื่อเวลา 08.00 น. วัดได้ 208 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ขณะที่ตำรวจจับกุมชาวบ้านได้ 4 คน ใน ต.ท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า อ.จอมทอง และ อ.แม่อาย ส่งดำเนินคดีฝ่าฝืนประกาศจังหวัดห้ามเผาในเขตโล่งแจ้งที่มีผลถึงสิ้นเดือนเมษายน
อ่างทองแอบเผาตอซังทำฝุ่นพุ่ง
แม้จะมีประกาศจากจังหวัด ห้ามเผาตอซังข้าวและเผาขยะในพื้นที่ แต่ยังมีชาวนาหลายรายใน จ.อ่างทอง ลักลอบเผาตอซังข้าวในช่วงกลางคืน จนไฟลุกท่วมมองเห็นได้จากระยะไกล โดยช่วงเช้ามืดที่ผ่านมีการลักลอบเผาตอซังข้าวหลายแปลงตำบลหัวไผ่ อ.เมืองอ่างทอง ส่งผลให้ค่า PM 2.5 ในพื้นที่ จ.อ่างทอง พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 64.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเฝ้าระวังเป็นพิเศษตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นทางจังหวัดกำชับฝ่ายปกครองทุกพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนและบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด
อุตุฯเตือนอากาศแปรปรวน
วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 24-27 มกราคม ฉบับที่ 2 ระบุว่า ระหว่างวันที่ 24-27 มกราคม ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในระยะแรก บริเวณจ.อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร จากนั้นวันที่ 26-27 มกราคม อุณหภูมิจะลดลง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียส กับมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดอุณหภูมิต่ำสุด 1-13 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นบริเวณยอดดอยในภาคเหนือ ส่วนภาคกลางอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับเกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
ฝนลมกรรโชกช่วยฝุ่นลดลง
ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนอีกระลอกจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ขณะที่คลื่นอากาศในกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง
สำหรับฝุ่นละออง: บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีการสะสมของฝุ่นละอองลดลง เนื่องจากมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในช่วงดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี