วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ละเอียดยิบ! อัยการแจงเหตุสั่งไม่ฟ้อง‘ชัยวัฒน์’ เมีย‘บิลลี่’ผิดหวัง เล็งลุยฟ้องเอง

ละเอียดยิบ! อัยการแจงเหตุสั่งไม่ฟ้อง‘ชัยวัฒน์’ เมีย‘บิลลี่’ผิดหวัง เล็งลุยฟ้องเอง

วันจันทร์ ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563, 15.12 น.
Tag : เครือข่ายกะเหรี่ยง ฆาตกรรม ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ดีเอสไอ บิลลี่หายไปไหน บิลลี่ สั่งไม่ฟ้องชัยวัฒน์ อัยการ
  •  

“อัยการ” แจงยิบเหตุสั่งไม่ฟ้อง “ชัยวัฒน์-ลูกน้อง” คดีอุ้มฆ่าบิลลี่ ไม่เชื่อการตรวจวิธีไมโทรคอนเดรียเป็นกระดูกบิลลี่ ประกอบคำพิพากษาศาลเพชรบุรีมีพยานบอกบิลลี่ถูกปล่อยตัวแล้ว ไม่ฟังการกลับคำให้การ ทนายโต้ชี้คำพิพากษาศาลฎีกาไม่ชี้ชัดบิลลี่ถูกปล่อยตัว “เมียบิลลี่” ผิดหวัง ยื่นหนังสือขอเหตุผล ยันชาวกะเหรี่ยงไม่นำกระดูกลอยน้ำ พร้อมฟ้องคดีเอง

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 27 มกราคม 2563 ที่ห้องประชุมชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายจิตภัทร พุ่มหิรัญ อัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ 4 ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงการสั่งไม่ฟ้องคดีที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อายุ 56 ปี ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปัตตานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระหว่างปี 2551-2557 กับลูกน้อง 3 คน ตกเป็นผู้ต้องหา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้าย และร่วมกันฆ่าอำพรางศพ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ อายุ 31 ปี นักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งอัยการคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้องข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าบิลลี่ โดยสั่งฟ้องเพียงข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157


ในวันนี้ นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของบิลลี่ ผู้เสียหาย พร้อม น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความ เดินทางมาร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย

นายประยุทธ กล่าวว่า ความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนคดีนี้ ดังนี้ ผู้ต้องหา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร , นายบุญแทน บุษราคัม , นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงศ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 1-4 และเป็นคดีนั้น นายชวรัตน์ วงศ์ธนบูลย์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1  มีคำสั่งที่ 26/2562 ตั้งคณะทำงานร่วมกันตรวจพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่า ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คณะทำงานพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานพอฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4  โดยควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-3 ในข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/2, 172 และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิดดังกล่าวข้างต้น

ส่วนข้อกล่าวหาอื่น คณะทำงานเห็นว่าทางคดีไม่มีประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมใดๆ เพียงพอที่จะเชื่อมโยงว่าผู้ต้องหาทั้งสี่ได้ร่วมกันกระทำผิด มีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง

สำหรับข้อหาร่วมกันฆ่าบิลลี่ คณะทำงานตรวจสำนวนโดยละเอียดแล้วเห็นว่า ในชั้นนี้พยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสี่เช่นกัน โดยคณะทำงานเห็นว่า บิลลี่ในชั้นแรกถูกกลุ่มผู้ต้องหาทั้งสี่ควบคุมตัวไปพร้อมน้ำผึ้งและ จยย. แต่ต่อมามีพยานบุคคลยืนยันว่าผู้ต้องหาทั้งสี่ได้ปล่อยตัวบิลลี่แล้ว โดยทางคดีได้ความอีกว่าภรรยาและมารดาของนายพอละจีได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ต้องหาทั้งสี่ปล่อยตัวนายพอละจี เพราะเป็นการควบคุมตัวโดยไม่ชอบตามกฎหมาย

“เมื่อศาลจังหวัดเพชรบุรีพิจารณาพยานหลักฐานทุกฝ่ายแล้วได้มีคำสั่งยกคำร้อง เพราะมีพยานเบิกความต่อศาลว่านายพอละจีได้รับการปล่อยตัวแล้ว ซึ่งภรรยาของนายพอละจีได้ยื่นอุทธรณ์และฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลจังหวัดเพชรบุรี แต่ทั้งชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาพิพากษายืน อันเป็นการชี้ขาดข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหาทั้งสี่ได้ปล่อยตัวนายพอละจีไปแล้ว คดีเป็นที่สุด และต่อมาพยานที่เคยเบิกความในคดีที่ศาลจังหวัดเพชรบุรีได้ให้การใหม่กับพนักงานสอบสวนของดีเอสไอตรงข้ามกับที่เคยเบิกความต่อศาล แต่พนักงานอัยการซึ่งเป็นคณะทำงานเห็นว่าคำเบิกความต่อศาลดังกล่าวน่าเชื่อถือและมีน้ำหนักมากกว่า”

นายประยุทธ กล่าวถึงความเห็นคณะทำงานต่อไปว่า การตรวจพิสูจน์กระดูกซึ่งเป็นวัตถุพยานของกลางโดยวิธีไมโทรคอนเดรีย เป็นเพียงการตรวจเพื่อทราบถึงสื่อสัมพันธ์สายมารดาเท่านั้น โดยการตรวจวิธีนี้ไม่เพียงพอยืนยันตัวบุคคลที่ชี้ชัดได้ว่ากระดูกของกลางที่พบเป็นของบุคคลใด และสำนวนคดีไม่มีข้อเท็จจริงหรือประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมใดๆ เพียงพอที่จะเชื่อมโยงว่าผู้ต้องหาทั้งสี่เป็นผู้ร่วมกันฆ่านายพอละจีที่ไหน เมื่อไหร่ และโดยวิธีใด ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นล้วนเป็นสาระสำคัญที่อัยการต้องกล่าวบรรยายไว้ในฟ้อง รวมทั้งสำนวนการสอบสวนไม่มีพยานหลักฐานว่านายพอละยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่

“คณะทำงานจึงมีความเห็นว่า ในชั้นนี้สำนวนยังมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอฟ้องผู้ต้องหา จึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสี่และได้เสนอสำนวนพร้อมความเห็นของคณะทำงานไปยังนายฐาปนา ใจกลม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด และเมื่ออธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษพิจารณาแล้วได้มีความเห็นและคำสั่งตามที่คณะทำงานเสนอ ขณะนี้สำนักงานคดีพิเศษได้ส่งสำนวนพร้อมคำสั่งไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป หากมีความคืบหน้าคดีเป็นประการใด งานโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดจะแถลงให้ทราบต่อไป” นายประยุทธ กล่าว

รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยังอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า การฟ้องคดีสามารถทำได้ครั้งเดียว อัยการต้องพิสูจน์ให้ได้ชัดเจน ถ้าสืบแล้วยังมีข้อสงสัย โอกาสศาลยกฟ้องมีสูง ถ้าสั่งไม่ฟ้องแล้วมีพยานหลักฐานใหม่ อัยการสามารถหยิบยกมาได้ แต่ถ้าฟ้องไปแล้วศาลยกฟ้องเสียหายมากกว่า คดีมีอายุความ 20 ปี โดยอธิบดีอัยการคดีพิเศษฝากเรียนญาติผู้เสียหายสามารถฟ้องเองได้ อัยการยินดีให้การสนับสนุน แต่ของอัยการฟ้องส่วนที่ชัดเจน หากยังไม่เพียงพอไม่ฟ้อง ทั้งนี้ ขั้นตอนต้องเสนอดีเอสไอพิจารณาเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าดีเอสไอมีความเห็นต่างต้องส่งอัยการสูงสุดชี้ขาดต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าในระยะเวลาการฝากขังผู้ต้องหาทั้งสี่ใกล้ครบกำหนดวันที่ 3 ก.พ.นี้ อัยการสูงสุดจะสั่งคดีทันหรือไม่

นายประยุทธ กล่าวว่า ถ้าหากเป็นคดีร้ายแรง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี อัยการจะฟ้องไปก่อนในข้อหาที่มีการสั่งฟ้องแล้วก่อน แต่ถ้าผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี อาจจะต้องรอ และหากมีคำสั่งถึงที่สุดประการใด ก็จะให้พนักงานสอบสวนนำตัวมาในภายหลัง

เมื่อถามว่าหากพยานหลักฐานยังมีข้อสงสัย เหตุใดไม่สั่งสอบเพิ่มเติม

นายประยุทธ กล่าวว่า หลักการสอบเพิ่มเติมนั้นต้องมีประเด็นที่อัยการจะต้องสั่งสอบเพิ่ม แต่คดีนี้ไม่มีจุดเกาะเกี่ยวเชื่อมโยง ซึ่งขณะนี้มีพยานหลักฐานที่ดีเอสไอรวบรวมมา เรายังไม่เห็นความเชื่อมโยง จะไปสั่งให้สอบเพิ่มลอยๆ ไม่ได้ ต้องชี้จุดให้ไปสอบในเรื่องใด ก็เลยมีการลงความเห็นสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวไป

เมื่อถามว่าคดีนี้มีประจักษ์พยานยืนยันว่ามีการควบคุมตัวบิลลี่ แต่พยานที่บอกว่ามีการปล่อยตัวบิลลี่ไปแล้วมากลับคำให้การในชั้นสอบสวนดีเอสไอว่าไม่เห็นการปล่อยตัว ถือว่าเป็นพยานไม่อยู่กับร่องรอยจะน่าเชื่อถือว่ามีการปล่อยตัวบิลลี่จริงหรือไม่

นายประยุทธ กล่าวว่า เมื่อบิลลี่โดนนายชัยวัฒน์นำตัวไปแล้วไม่ได้กลับบ้าน ทางภรรยาและมารดาได้ยื่นร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรีขอปล่อยตัว เพราะเชื่อว่าถูกนายชัยวัฒน์กับพวกควบคุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีการสืบพยานสู้กัน เท่าที่รับแจ้งมา มีประจักษ์พยานเบิกความต่อศาลเห็นบิลลี่ขี่มอเตอร์ไซค์หลังจากนั้น ศาลเชื่อพยานว่านายชัยวัฒน์ปล่อยตัวบิลลี่มาแล้ว ทั้งศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนว่าจากการนำสืบในคดี เห็นว่ามีการปล่อยบิลลี่ออกมาแล้ว จึงไม่มีเหตุผลสั่งให้นายชัยวัฒน์ปล่อยตัว และยกคำร้อง พยานในคดีดังกล่าว 2 ปากจาก 5 ปาก มาให้การใหม่กับดีเอสไอในชั้นสอบสวนว่าไม่เห็นการปล่อยตัวบิลลี่

อัยการจึงมาชั่งน้ำหนัก เชื่อว่าสิ่งที่พยานพูดกับศาลจังหวัดเพชรบุรี จนศาลอุทธรณ์และฎีกาเชื่อมีน้ำหนักมากกว่าการให้การใหม่กับดีเอสไอ การนำพยานที่ขัดแย้งกันเองขึ้นสู่ศาล จะกลายเป็นประโยชน์แห่งการสงสัย กฎหมายจะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ในชั้นนี้เราจึงต้องรอพยานหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้

เมื่อถามว่าพยานที่ยืนยันว่าปล่อยตัวบิลลี่ไม่มีใช่หรือไม่ เนื่องจากมากลับคำในชั้นดีเอสไอ

นายประยุทธ กล่าวว่า ในสำนวนของศาลจังหวัดเพชรบุรีนั้นมี 5 ปาก ใน 3 ปากยืนยันอยู่ แต่มี 2 ปากพูดใหม่ การที่พยานกลับคำ อัยการมีสิทธิใช้ดุลยพินิจว่าจะเชื่อตรงไหน การเบิกความในศาลมีการซักค้านเต็มที่

จากนั้น น.ส.วราภรณ์ ทนายความของนางพิณนภา ได้โต้แย้งว่า ทางอัยการทราบหรือไม่ว่าในส่วนของกระบวนการไต่สวนที่ศาลได้เรียกพยานเจ้าหน้าที่, นักศึกษาฝึกงาน และพนักงานสอบสวน ซึ่งในการไต่สวนศาลได้ชี้ว่าพยานหลักฐานที่เห็นว่ามีการปล่อยตัวบิลลี่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่สามารถหยิบยกมาพิจารณาได้ จึงไม่เห็นบริบทการปล่อยตัว ศาลฎีกายกคำร้องเพราะพยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ไม่ใช่เพราะว่ามีการปล่อยตัวบิลลี่แล้ว

นายประยุทธ กล่าวตอบว่า ทางโฆษกได้รับรายงานจากคณะทำงานคดีพิเศษรายงานมา ส่วนทางทนายความจะรู้รายละเอียดคดี ตนขอเรียนตรงไปตรงมาว่าไม่ทราบข้อเท็จจริงในส่วนนี้ แต่ที่ทราบตรงกันคือทั้งสามศาลยกคำร้อง ทางทีมโฆษกต้องขอโทษเรื่องข้อเท็จจริงในส่วนนี้ เนื่องจากมีรายละเอียดเท่าที่ได้รับข้อมูลจากอัยการคดีพิเศษมา

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ทางดีเอสไอยืนยันความชัวร์ของการตรวจด้วยวิธีไมโทรคอนเดรีย โดยสืบจากครอบครัวมาแล้วระหว่างมารดาและยาย มีบุคคลหายคือบิลลี่คนเดียว ทำไมอัยการถึงไม่เชื่อ ได้พิจารณานำผู้เชี่ยวชาญมาสอบเพิ่มหรือไม่

นายประยุทธ กล่าวว่า ประเด็นที่สงสัยกันนั้น ทางทีมโฆษกเราก็สงสัยในประเด็นเดียวกัน สิ่งที่เราได้รับแจ้งจากคณะทำงานได้มีการพิจารณาโดยละเอียด การตรวจโดยวิธีไมโทรคอนเดรียเป็นการตรวจหาสายสัมพันธ์ของมารดากับยาย ทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถไล่สายได้มากขึ้นอีกกว่า 2 ลำดับที่ว่า และคดีนี้ไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอได้ เพราะพยานวัตถุถูกทำลายด้วยความร้อนสูง พยานจึงต้องเป็นพยานที่รับฟังประกอบส่วนอื่นได้ด้วย อัยการดูภาพรวมทั้งสำนวนไม่เห็นความเชื่อมโยงกับพยานหลักฐานอื่น โดยเฉพาะคำพิพากษาของศาลที่บอกปล่อยออกมาแล้ว และไม่มีพยานหลักฐานว่าฆ่าที่ไหนอย่างไร ซึ่งเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่จะต้องบรรยายฟ้อง

นายจิตภัทร พุ่มหิรัญ อัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ 4 กล่าวเสริมอธิบายเปรียบเทียบคดีหมอวิสุทธิ์ฆ่าหมอผัสพร ว่ามีความแตกต่างกัน เนื่องจากคดีดังกล่าวพยานวัตถุไม่เสียหายมาก ระยะเวลาผ่านไปไม่นาน สามารถสกัดดีเอ็นเอยืนยันตัวบุคคลได้ ไม่ใช่เพียงว่าการสืบสายมารดาและยายจะเข้ากับใครได้บ้าง

เมื่อถามว่าคดีนี้ผู้ต้องหาไม่ได้ให้การใดๆ กับพนักงานสอบสวน ทำไมพนักงานอัยการยังสั่งไม่ฟ้อง

นายประยุทธ กล่าวว่า ในการตรวจสำนวนของอัยการจะดูพยานหลักฐานเป็นหลัก เพราะการพิจารณาพิพากษาของศาล การลงโทษใครศาลไม่ได้ดูคำให้การของฝ่ายจำเลยเป็นหลัก จะดูแค่ว่าอัยการสืบได้หรือไม่ ถ้าสืบได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องดูคำให้การของจำเลย เป็นแนวปฏิบัติ แต่ต้องขอแจ้งว่าตนไม่ทราบรายละเอียดในการสั่งสำนวน

ถามอีกว่า เมื่ออัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องแล้ว ในชั้นนี้ญาติบิลลี่สามารถร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดได้เลยหรือไม่ หรือต้องรอดีเอสไอเห็นแย้งก่อน

นายประยุทธ กล่าวว่า ตามระเบียบสามารถยื่นได้ตลอดเวลา ซึ่งอัยการสูงสุดจะพิจารณาหลังมีการยื่นหนังสือมาแล้ว

เมื่อถามว่าคดีอุ้มฆ่าจะไม่มีประจักษ์พยาน เป็นช่องโหว่ของกฎหมายหรือไม่

นายประยุทธ กล่าวว่า ต้องดูเป็นคดีไป สิ่งสำคัญคือพยานหลักฐาน เพราะการลงโทษยกฟ้องจะอยู่ที่พยาน หน้าที่การรวบรวมพยานเป็นของพนักงานสอบสวนที่ต้องนำไปสู่จุดนั้นให้ได้

จากนั้น นางพิณนภา ภรรยาของบิลลี่ ได้ถามทำนองว่าสิ่งที่นิติวิทยาศาสตร์ตรวจยืนยันเชื่อถือไม่ได้หรือไม่

นายประยุทธ กล่าวว่า วิธีการตรวจดังกล่าวไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ชัดเจน การตรวจแบบไมโทรคอนเดรียต้องใช้เชื่อมโยงกับพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน ภาพรวมในสำนวนที่ได้รับแจ้งมายังไม่มีความเชื่อมโยง และไปถูกตัดตอนโดยคำพิพากษาศาลฎีกา จ.เพชรบุรี ที่ยกคำร้องขอให้ปล่อยตัวบิลลี่ การพิสูจน์หากบิลลี่ต้องสงสัยว่าไม่มีชีวิตอยู่ ยังสงสัยว่าใครเป็นคนฆ่า มีแต่การคาดการณ์ หากฟ้องไปศาลยกฟ้องจะเกิดความเสียหายมากกว่า

ถามว่าสามารถสั่งสอบเพิ่มพยานที่กลับคำให้การเพิ่มได้หรือไม่ถึงสาเหตุที่กลับคำให้การ

นายประยุทธ กล่าวว่า หากเป็นพยานที่พูดในศาลแบบหนึ่ง พูดกับพนักงานสอบสวนอีกแบบหนึ่ง ก็ไม่เห็นว่าจะต้องไปสอบเพิ่มประเด็นไหน จึงวินิจฉัยพยานหลักฐานเท่าที่มีว่าเพียงพอหรือไม่

เมื่อถามว่าผู้ต้องหาได้ร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาหรือไม่ หรืออัยการพิจารณาพยานหลักฐานแล้วสั่งไม่ฟ้องเลย

นายประยุทธ กล่าวว่า นายชัยวัฒน์มีการยื่นร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ตนเป็นผู้รับหนังสือนำส่งเรียนอัยการสูงสุด หลังจากนั้นทางอัยการสูงสุดจะส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าวไปยังอัยการคดีพิเศษ ส่วนอัยการคดีพิเศษจะนำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมมารวมพิจารณาสั่งคดีหรือไม่ ตนไม่ทราบ เนื่องจากตนไม่ได้อ่านเนื้อหาร้องขอมีประเด็นใดบ้าง

ภายหลังการแถลงข่าว นางพิณนภาได้ยื่นหนังสือที่เขียนด้วยลายมือต่อนายประยุทธ ขอให้อัยการชี้แจงเหตุผลในการสั่งไม่ฟ้องอย่างละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษร และแสดงความผิดหวัง ไม่สบายใจที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง โดยให้สัมภาษณ์ว่า เข้าใจที่อัยการเอาตามหลักฐานคำพิพากษา แต่ก็เข้าใจยาก

“สงสัยเรื่องการตรวจ เพราะคนกะเหรี่ยงเมื่อเสียชีวิตจะไม่เอากระดูกลอยน้ำ ในชั้นนิติวิทยาศาสตร์ตรวจแล้วยืนยันตรงกับแม่ของบิลลี่ ส่วนตัวรู้สึกเป็นไปไม่ได้ว่าจะเป็นคนอื่น เชื่อตามนิติวิทยาศาสตร์ จากนี้ก็ต้องไปคุยกันใหม่ และไม่มีพยานในหมู่บ้านที่เห็นบิลลี่ถูกปล่อยตัว ส่วนการฟ้องเองก็คิดไว้ สุดท้ายแล้วถ้าไม่มีอะไรก็อาจจะฟ้องเอง คนทั้งคนหายไปมันเป็นไปไม่ได้ ต้องมีเหตุและผล” ภรรยานายบิลลี่ กล่าว

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • อัยการฟ้องคดี\'สจ.กอล์ฟ-พวก\' รุมทำร้าย ตชด. คาหน่วยเลือกตั้ง อัยการฟ้องคดี'สจ.กอล์ฟ-พวก' รุมทำร้าย ตชด. คาหน่วยเลือกตั้ง
  • หนุ่มใหญ่โมโหฟันรุ่นน้องดับ อ้างถูกท้าทายในวงเหล้า หนุ่มใหญ่โมโหฟันรุ่นน้องดับ อ้างถูกท้าทายในวงเหล้า
  • ลูกเขยคลั่ง! มีดฟันพ่อตา-แม่ยาย-เมียสาหัส สุดท้ายผูกคอดับหนีผิด ลูกเขยคลั่ง! มีดฟันพ่อตา-แม่ยาย-เมียสาหัส สุดท้ายผูกคอดับหนีผิด
  • \'DSI\'ขนลังสำนวนฮั้วประมูลสัญญาตึก สตง.ส่ง\'ป.ป.ช.\' ไต่สวนฟัน\'บิ๊ก สตง.-70 ขรก.-6 ผู้บริหาร\' 'DSI'ขนลังสำนวนฮั้วประมูลสัญญาตึก สตง.ส่ง'ป.ป.ช.' ไต่สวนฟัน'บิ๊ก สตง.-70 ขรก.-6 ผู้บริหาร'
  • เฒ่าวัย64แค้น! ‘ถูกแจ้งจับบุกรุกป่า’ ใช้มีดฟันดับ2ศพ-ก่อนผูกคอหนีความผิด เฒ่าวัย64แค้น! ‘ถูกแจ้งจับบุกรุกป่า’ ใช้มีดฟันดับ2ศพ-ก่อนผูกคอหนีความผิด
  • ‘ทวี-นายกทนายความ’มอบเช็คทายาทผู้เสียชีวิตเหตุ‘ตึก สตง.’ถล่ม 40 ราย เหลืออีก 48 ราย ‘ทวี-นายกทนายความ’มอบเช็คทายาทผู้เสียชีวิตเหตุ‘ตึก สตง.’ถล่ม 40 ราย เหลืออีก 48 ราย
  •  

Breaking News

'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!

น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง'อดีตรองเสธ.กัมพูชา' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น

ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม

ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved