ดีเอสไอแจงคดี"ชัยวัฒน์" ยันทำคดีรูปแบบคณะกรรมการ ดึงนักวิชาการ-บุคลลากรหลายหน่วยงานร่วม มั่นใจมาตรฐานFBI
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 27 มกราคม 2563 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ผศ.นพ.วรวีย์ ไชยวุฒิ ผอ.กองการสารพันธุกรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ผอ.กองการปฎิบัติการคดีพิเศษภาค และ พ.ต.ท.เสฏฐ์สถิตย์ สุวรรณกูด รอง ผอ.กองการปฎิบัติการคดีพิเศษภาค แถลงข่าวกรณีสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกรวม 4 คน ในข้อหาฆ่า นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่
พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า ดีเอสไอได้รับเอกสารสำนวนจากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก รวม 4 คน เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนี้กองบริหารคดีพิเศษจะตรวจสอบ และพิจารณาเอกสารที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ส่งกลับมา เพื่อสรุปให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณา มี 2 ทาง 1.กรณีที่ดีเอสไอเห็นด้วยกับเหตุผลที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ดีเอสไอก็จะไม่มีความเห็นแย้งในการสั่งคดีในข้อหานั้น และคดีในข้อหานั้นก็จะจบลงตามการสั่งคดีของอัยการ 2.หากไม่เห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้อง ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ที่จะส่งความเห็นแย้งให้อธิบดีดีเอสไอ ยื่นต่ออัยการสูงสุด เป็นผู้ชี้ขาดตามกฏหมายต่อไป โดยมีกรอบเวลาในการพิจารณาประมาณ 1 เดือน และสามารถขอขยายเวลาได้หากเห็นว่ามีพยานหลักฐานจำนวนมาก
ทั้งนี้ กระบวนการฟ้องครอบครัวผู้เสียหายสามารถฟ้องเองได้ แต่ขณะนี้กระบวนการทางกฏหมายที่ดีเอสไอยื่นฟ้องไปยังไม่สุดทาง ก็ยังเดินหน้าต่อ โดยส่วนเห็นว่าเป็นการดีที่สำนักอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เพราะจะได้มองได้ครบทุกมิติ ครบทุกด้าน ที่ผ่านมาดีเสไอสอบพยานไป 131 ปาก มีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และพยานวัตถุ รวบรวมสำนวนตามข้อเท็จจริงเสนออัยการตามข้อเท็จจริง" พ.ต.ต.วรณัน กล่าว
ผศ.นพ.วรวีย์ เผยว่าการตรวสอบหาสารพันธุกรรมที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ตรวจหาด้วยวิธีไมโทคอนเดรีย จากกระดูกที่เจ้าหน้าที่ค้นพบ ซึ่งสารไมโทคอนเดรีย จะบ่งขี้ให้ทราบว่าสืบสายเลือดมาจากยาย หรือแม่ของนายบิลลี่เท่านั้น โดยหลักการตรวจหาสารพันธุกรรมดังกล่าวหน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ทั่วโลก และคดีของไทยก็ใช้
ซึ่งเอฟบีไอก็ใช้มาตรวสอบหาผู้สูญหาย เนื่องจากบางกรณีพบโครงกระดูกผู้สูญหาย แต่เนื่องจากสภาพกระดูกอาจผุกร่อนตามระยะเวลา จึงไม่สามารถสกัดหาสารพันธุกรรมดีเอ็นเอไอได้ ทำได้เพียงสกัดหาสารพันธุกรรมไมโทคอนเดรียเท่านั้นน คดีนายบิลลี่ดีเอสไอนอกจากจะใช้สารพันธุกรรมไมโทคอนเดรียแล้ว ยังใช้การสืบสวนพยานหลักฐาน และการสอบปากคำญาติพี่น้อง มาประกอบสำนวนด้วย
พ.ต.ท.เชน กล่าวว่า ในปี 57 ดีเอสไอรับคดีนายบิลลี่เป็นคดีพิเศษ ต่อมาปี 62 ดีเอไอพบว่ามีจุดใต้สะพานในพื้นที่เกิดเหตุ มีน้ำท่วมขังตลอดปี และจุดที่ยังไม่เคยตรวจสอบมาก่อน จึงร่วมกับหน่วยงานอื่นอาทิ ตำรวจ ตชด.และหน่วยดำน้ำ ค้นหา จนเจอกระดูกก่อนนำมาใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ช่วยหาหลักฐาน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้สอบพยานครอบครัวนายบิลลี่ และพยานแวดล้อมอื่นๆ กระทั่งนำหลักฐานไปขอศาลออกหมายจับนายชัยวัฒน์กับพวก ซึ่งจะเห็นได้ว่ากระบวนการนำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์นั้น เอฟบีไอและหน่วยนิติวิทยาศาสตร์ก็มีการนำใช้ในหลายๆ คดีด้วย
พ.ต.ท.เชน กล่าวว่า ญาติๆที่เป็นลูกของยายและแม่บิลลี่ ทุกคนที่เสียชีวิตล้วนฝังและเผาตามธรรมชาติ ซึ่งรู้ที่มา ที่ไปการตายทุกคนยกเว้นบิลลี่ ทั้งนี้ ยืนยันดีเอสไอทำคดีรัดกุม โดยในการทำคดีนี้ได้ทำในรูปของคณะกรรมการโดยดึงบุคคลจากหลายๆหน่วยงานมาร่วมทำคดี เรามั่นใจมาตรฐานไม่ต่างจากสำนักงานสอบสวนกลางแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FBI)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี