"คณะองคมนตรี"ติดตามสถานการณ์น้ำ-การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เน้นย้ำทุกหน่วยทำงานเชิงพื้นที่ บูรณาการแก้ไขปัญหาครอบคลุมทุกพื้นที่เสี่ยง พร้อมดูแลทุกครัวเรือนให้มีน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอ
เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) คณะองคมนตรี ประกอบด้วย นายพลากร สุวรรณรัฐ , พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ , พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา , นายจรัลธาดา กรรณสูต , พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ , นายอำพน กิตติอำพน และ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท รวมถึง พลอากาศตรี โชคดี สมจิตติ์ ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายอำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน , พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต เลขานุการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมติดตามสถานการณ์น้ำ และแนวทางการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ในการประชุมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บก.ปภ.ช.) เป็นประธานการประชุมฯ และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , นายนิพนธ์ บุญญามณี และ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด
ในการนี้ คณะองคมนตรี ได้น้อมนำพระราชกระแสห่วงใยประชาชนในการบริหารจัดการภัยแล้ง เนื่องจากส่งผลกระทบกับประชาชนเป็นวงกว้าง พร้อมทั้งได้มีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1.ให้พิจารณาพยากรณ์สถานการณ์ไปจนถึงช่วงเดือนมิถุนายน 2563 เผื่อในกรณีฝนทิ้งช่วงเพื่อลดความเสี่ยงได้มากที่สุด 2.ให้ความสำคัญในพื้นที่ภาคอีสานตอนกลางหรือบริเวณลุ่มแม่น้ำชีซึ่ง ประสบปัญหาภัยแล้งทุกปี พร้อมกับส่งเสริมให้มีบรรจุภัณฑ์กักเก็บน้ำไว้ใช้ในครัวเรือนเพื่อให้ประชาชนสามารถมีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอได้ในช่วงฤดูแล้งของทุกปี 3.ให้อนุรักษ์พื้นที่ป่าซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน 4.ให้ความสำคัญสนับสนุน น้ำ อุปโภคบริโภคกับโรงพยาบาล และงานสาธารณสุข
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่ส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้บูรณาการทุกหน่วยงานดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเต็มกำลัง ภายใต้กฎหมายและแผนว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยผ่านกลไกการปฏิบัติของหน่วยงานทุกภาคส่วน โดยเน้นการทำงานในมิติเชิงพื้นที่ แบ่งพื้นที่รับผิดชอบและมอบหมายภารกิจอย่างชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำแผนรองรับ ทั้งการเติมน้ำดิบจากแหล่งน้ำจากเขื่อนหลักได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนแม่กลอง และการเจาะบ่อบาดาลเข้าสู่ระบบผลิตน้ำประปา ในส่วนของน้ำเพื่อการเกษตร ได้มีการบริหารจัดการตามแผนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งได้พิจารณาการส่งเสริมอาชีพเสริม เพื่อชดเชยการเสียรายได้ของเกษตรกร และขอความร่วมมือเกษตรกรงดสูบน้ำจากแหล่งน้ำดิบที่ใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค เพื่อลดผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำที่มีปริมาณจำกัดอย่างประหยัด คุ้มค่า และมีประสิทธิภาพมากที่สุด เชื่อมั่นว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะทำให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอในทุกพื้นที่ไปจนถึงเริ่มฤดูฝนในช่วงเดือนพฤษภาคม 2563
"พร้อมนำแนวทางการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนในด้านภัยเเล้งให้แก่พี่น้องประชาชนให้เป็นไปอย่างระบบอย่างยั่งยืนต่อไป" รมว.มหาดไทย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี