ภาคเหนืออ่วม ฝุ่นพิษ PM2.5 ลามเข้าขั้นวิกฤติสีแดง 7 จุด ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล แนวโน้มฝุ่นเพิ่มขึ้นแต่อากาศยังดี“บิ๊กป้อม”ลั่นเจอใครเผาป่าก็ต้องจับกุมดำเนินคดี ด้านอธิบดีกรมป่าไม้สั่งตั้ง“วอร์รูม”ติดตามพวกลักลอบเผาป่า ขณะที่มท.1เตรียมใช้ยาแรง สั่งการเจ้าหน้าที่ในพื้นที่แก้ปัญหาฝุ่นตามสถานการณ์
เมื่อวันที่ 28มกราคม กรมควบคุมมลพิษ(คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) รายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 57 สถานี ตรวจวัดค่าได้ 16 - 41 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม) ปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่ และมีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ ประชาชนสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ ทั้งนี้ คพ. ยังคงรายงานสถานการณ์และแจ้งประสานข้อมูล ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการควบคุม กำกับ ดูแล ภารกิจตามมาตรการ “ภายใต้แผนปฏิบัติการ ขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “ อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ เกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับวิกฤตสีแดง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ 7พื้นที่ สูงสุดที่ ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง 189 มคก./ลบ.ม. ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ 141 มคก./ลบ.ม. ต.พระบาท อ.เมือง 135 มคก./ลบ.ม. ต.แม่เมาะอ.แม่เมาะ 118 มคก./ลบ.ม. ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่ 146 มคก./ลบ.ม. ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน 111 มคก./ลบ.ม. ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา 103 มคก./ลบ.ม. ส่วนพื้นที่ สีส้ม เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 2 พื้นที่ ได้แก่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50 มคก./ลบ.ม. ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน 67 มคก./ลบ.ม.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อลดควันและฝุ่นPM2.5 ว่า ขณะนี้กำลังรณรงค์กันอยู่และประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้น แต่เขายืนยันว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเผา แต่เราชี้แจงว่าต้องทำอย่างไรไม่ให้เกิดฝุ่นPM2.5 ยืนยันว่าอำนาจการตัดสินใจยังเป็นของผู้ว่าฯ ภายใต้การให้คำแนะนำกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
เมื่อถามว่าต้องกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องกำชับอะไรเป็นพิเศษ หากพบว่ามีการเผาก็ต้องดำเนินคดี เพราะผิดกฎหมาย
ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ในระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน ของทุกปี ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือมักประสบปัญหาหมอกควัน ที่มาจากสถานการณ์ไฟป่า ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศป่าไม้ เศรษฐกิจ สังคม การคมนาคม และการท่องเที่ยว โดยทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์ไฟป่า และหมอกควัน พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม และได้มอบแนวทางการดำเนินงานป้องกันและควบคุมไฟป่า โดยให้จัดตั้งวอร์รูม เพื่อประสานงานกับทางจังหวัด และให้ซักซ้อม จำลองสถานการณ์เกิดไฟป่า เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความรวดเร็ว “รับแจ้งเหตุรวดเร็ว สั่งการรวดเร็ว และเข้าดับไฟรวดเร็ว” จึงต้องมีการซักซ้อมความเข้าใจกับการปฏิบัติงานให้ชัดเจน พร้อมทั้งให้ชุด Small Unit ออกลาดตระเวน เฝ้าระวัง และจับกุมผู้จุดไฟมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และนำข้อมูลพื้นที่เสี่ยงและพฤติกรรมไฟของปีที่ผ่านมา สำหรับใช้วางแผนการปฏิบัติงานและจัดทำพื้นที่เป้าหมาย
นอกจากนี้ กรมป่าไม้ได้ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้น โดยใช้กลยุทธ์ 7 ระดับ รวมทั้ง มีแผนดับไฟป่า 3 ระดับ คือ ระดับปกติ ระดับรุนแรง และขั้นวิกฤต โดยร่วมกับทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมสนับสนุนทั้งกำลังพลและอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถแจ้งเหตุไฟป่าได้ที่สายด่วน 1362
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ว่า ปกติเรามีมาตรการสำคัญที่จะไปลดแหล่งกำเนิดฝุ่น ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการคมนาคมขนส่ง การเผาในที่โล่งแจ้ง และการก่อสร้างอุตสาหกรรม ที่ผ่านมาก็มีการบังคับใช้กฎหมาย แต่ตนมองว่ายังเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในเชิงรับ เช่น การตรวจรถควันดำ รถที่ไม่ผ่านการตรวจก็จะถูกพ่นสีไม่ให้ใช้ สมมุติว่ารถผ่านการตรวจเข้าไปในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งของ กทม.เป็นจำนวนมากจนเกิดรถติด ต่อให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานก็ยังเกิดปัญหา PM 2.5 ได้อยู่ดี จึงคิดว่าในบางช่วงเวลาต้องจำกัดการใช้รถประเภทใดประเภทหนึ่งไม่ให้ผ่านเข้าไปใน กทม. ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประชุมให้อำนาจผู้ว่าฯ กทม. และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด พิจารณาความเหมาะสมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะใช้มาตรการเข้มข้นในเรื่องใดบ้าง รวมถึงจะต้องมีการตรวจตราสถานที่ก่อสร้างไม่ให้มีฝุ่นฟุ้ง อีกทั้งโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องมีการป้องกัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปตรวจตรา
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ส่วนที่เป็นสาเหตุหลักในปัจจุบันคือการเผาในที่โล่งแจ้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จ.ลำปาง ซึ่งมีการจุดไฟเผาจริง แต่ก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกที่จังหวัดน่าน แพร่ และพะเยา จากการติดตามก็พยายามจับผู้ที่จุดไฟเผา แต่สิ่งที่ยากคือการดับไฟ เพราะบางพื้นที่เข้าถึงได้ยาก นอกจากนี้ยังได้รับรายงานว่ามีฝุ่นมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็ต้องมีการประสานเพื่อนบ้าน เบื้องต้นในส่วนของการดูแลประชาชน ทางกระทรวงสาธารณสุขได้แจกหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนที่เจ็บป่วย ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ได้ดูแลประชาชนทั่วไปที่ไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเองได้ ซึ่งอาจจะต้องมีการจัดซื้อจัดหาเพื่อช่วยเหลือ พร้อมกับให้คำแนะนำการใช้ชีวิตเมื่อค่าฝุ่นละอองสูงขึ้น
“จากนี้มาตรการในพื้นที่จะต้องแรงขึ้น เพราะต้นกำเนิดมาจากคนในพื้นที่เป็นคนทำ แต่จะทำอย่างไรต้องขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ที่ต้องรีบหามาตรการเอง ซึ่งแต่ละมาตรการต้องส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด แทนที่จะปิดการจราจร ห้ามรถวิ่งผ่านเลย แม้ว่าจะทำได้ไม่ยาก แต่จะกระเทือนไปถึงระบบขนส่งทั้งหมด รวมถึงการดำรงชีวิตของประชาชน ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีการเบี่ยงเส้นทาง ส่วนพื้นที่ใดที่มีปัญหามาก ก็ต้องจำกัดการใช้รถ แต่จะจำกัดรถประเภทใดก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่”รมว.มหาดไทย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี