ประเทศไทยกำลังมีการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) เพื่อช่วยจดจำเมฆฝน โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และเมื่อสำเร็จจะมีแอพพลิเคชั่นตัวนี้ออกมาให้ได้ใช้กัน การศึกษาดังกล่าวเป็นหนึ่งในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ศาสตร์พระราชาฝนหลวง เพื่อให้การปฏิบัติการทำฝนแต่ละครั้งสามารถที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนได้สูงสุด
นายสราวุธ อาทยะกุล นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฝนหลวงฯ อยู่ระหว่างการวิจัยโครงการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์(AI) เพื่อพยากรณ์ความเหมาะสมของกลุ่มเมฆต่อการปฏิบัติการฝนหลวง Cloud Images Classification for Rainmaking using Artificial Intelligence ทั้งนี้เพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือประกอบการพิจารณาที่จะปฏิบัติการฝนหลวงให้กับนักวิทยาศาสตร์ที่ประจำการบนเครื่องบินฝนหลวง เพราะแม้จะมีการวางแผนอย่างดีจากภาคพื้นแล้วก็ตาม แต่สภาพอากาศสามารถผันแปรได้ตลอดเวลา ดังนั้นความสามารถในการช่วงชิงสภาพอากาศ เป็นสิ่งจำเป็น ผลการศึกษาครั้งนี้กรมจึงคาดหมายว่า จะเป็นเครื่องมือสำคัญอีก 1 ชุดที่จะมาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำฝนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้มากที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
การศึกษาดังกล่าวเริ่มเมื่อปี 2560 ที่ฝ่ายปฏิบัติเห็นว่าควรมีเครื่องมือมาช่วยประกอบการตัดสินใจในการปฏิบัติการฝนหลวง และขณะนั้นมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอช่วยจำภาพเริ่มมีการพูดถึงมาก จึงหารือกรมเพื่อขอวิจัยภายใต้การสนับสนุนของ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ให้ทุนในการเริ่มทดลองว่าระบบเอไอจะสามารถใช้ในการช่วยจดจำเมฆอุ่นที่เหมาะกับการทำฝนหลวงได้หรือไม่
“ในขั้นตอนการวิจัย เราได้ป้อนข้อมูลรูปเมฆที่นักวิทย์เลือกในแต่ละครั้งในการขึ้นปฏิบัติการ ซึ่งจะเลือกเมฆคิวมูลัส ที่ดีที่สุด เหมาะกับการทำฝนมากที่สุด เช่น ในขั้นตอนการโจมตีเมฆต้องมีลักษณะยอดเมฆคมชัด ฐานเมฆเรียบ สีเทา เหมือนที่ภาษาชาวบ้านบอกว่าเมฆครึ้มมาแล้วฝนจะตก นั่นล่ะคือเมฆเป้าหมาย แต่ถ้าเป็นสีเทาแต่ดูฟุ้งๆอันนั้นคือฝนตกไปแล้ว แต่ทั้งหมดการทำฝนจะต้องมีองค์ประกอบอื่นด้วย แต่เบื้องต้น การเลือกเมฆที่ถูกต้อง โอกาสประสบความสำเร็จก็จะมากขึ้นด้วย ดังนั้นหากเราช่วงชิงสภาพอากาศได้ทัน จะสามารถเลี้ยงเมฆให้อ้วนมากที่สุดเพื่อให้ปริมาณน้ำฝนได้มากที่สุด”
ขั้นตอนสำคัญที่จะใช้เอไอมาเสริม คือ ขั้นตอนที่ 2-4 จากขั้นตอนตามตำราฝนหลวง 4 ขั้นตอนคือ 1 ก่อกวนให้เกิดเมฆ 2. การเร่งการพัฒนาตัวของเมฆอุ่น 3. การเร่งบังคับให้เกิดฝน และ 4. การเสริมการโจมตี
นักวิจัยผู้นี้ ระบุว่า ผลที่จะได้จากการวิจัยครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่จะมาเสริมประสิทธิภาพในการทำฝน เนื่องจากขั้นตอนการตัดสินใจที่พ้นจากภาคพื้นมาแล้ว นักวิทย์ฯและนักบิน และเจ้าหน้าที่โปรยสารในเครื่อง ต้องขึ้นไปพร้อมกับทักษะและประสบการณ์ ระบบนี้จะช่วยเสริมให้ขบวนการเลือกเมฆมีความแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีเจ้าหน้าที่ใหม่ เอไอจะเป็นเครื่องมือช่วยในขบวนการเลือกเมฆ ที่จะเลือกเมฆที่มีความน่าจะเหมาะสมที่สุดให้กับทีมปฏิบัติการตัดสิน
“ผลการวิจัยที่ผ่านมาได้เริ่มทดลองในห้องปฏิบัติการ เมื่อปี 2561 พบว่าได้ผลประมาณ 85% และในปี 62 ที่ผ่านมาได้มีการทดลองในพื้นที่จริงในการปฏิบัติการที่จังหวัดกาญจนบุรีและสระแก้ว ก็พบว่ามีผลสัมฤทธิ์ประมาณ 70 -80% และได้มีการนำเสนอในเวทีการประชุมวิชาการทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมซอฟต์แวร์ระดับนานาชาติ และเวทีทางวิชาการว่าด้วยการดัดแปรสภาพอากาศ ระดับอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดมาแล้ว 2 ครั้ง อย่างไรก็ตามเบื้องต้นมีหลายประเทศสนใจเช่นอินโดนีเซีย บรูไน ที่สนใจขอมาเรียนระบบเอไอนี้ ซึ่งต่อไปอาจเป็นเรื่องของการให้ความรู้เพื่อให้แต่ละประเทศนำไปประยุกต์ใช้ในประเทศของตนเองเพราะลักษณะของเมฆต่างกันตามสภาพอากาศและภูมิประเทศ”
ทั้งนี้ การศึกษาดังกล่าวได้เคยมีการนำเสนต่อที่ประชุมระดับนานาชาติในงานประชุมวิชาการนานาชาติ International Joint Conference on Computer Science and Software Engineering ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2561 ที่นครปฐม และระดับอาเซียนมาแล้ว 2 ครั้ง คือ การประชุม ASEAN Workshop on Weather Modification 2018 เมื่อ 6 ส.ค. 2561 ที่กทม. และการประชุม ASEAN Training on Weather Modification 2019:Understanding of Cloud Nature and Weather Modification for Water Resources Management เมื่อ 25 ก.ค. 2562 จ.ประจวบคีรีขันธ์
การวิจัยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence หรือเอไอ (AI) โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอดศาสตร์พระราชาฝนหลวง ที่พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระดำริและทรงศึกษาค้นคว้า จากกลายเป็นตำราฝนหลวงพระราชทานเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และบรรเทาภัยพิบัติ ให้กับประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี