ในงานวันนักประดิษฐ์ ปี’63 ซึ่งจัดโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมีการจัดกิจกรรมมากมายภายในงานและสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่รักสุขภาพ คือ การทำลูกชุบเมล็ดบัวของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เนื่องจากมีการนำเมล็ดบัวมาทำลูกชุบแทนถั่วเขียว ซึ่งได้คุณประโยชน์มากมายต่อสุขภาพของผู้บริโภค
อ.กมลวรรณ ตั้งเจริญบำรุงสุขอาจารย์ประจำสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กล่าวถึงการทำลูกชุบเมล็ดบัว ว่า เนื่องจากท่ามกลางกระแสความนิยมแบบต่างประเทศ รวมทั้งเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้ขนมไทยถูกผลักไปรวมกับความล้าสมัยจึงอยากจะสืบสานวัฒนธรรมไทยเพื่อเผยแพร่ตำรับขนมลูกชุบที่ทำจากเมล็ดบัว ซึ่งเป็นการประยุกต์และเพิ่มทางเลือกในการใช้ประโยชน์จากพืชจำพวกเมล็ด เพื่อเป็นการสืบสานขนมไทยให้คงอยู่ต่อไป
อ.กมลวรรณ ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันสำหรับคนที่รักสุขภาพ มักจะมีความเป็นห่วงต่อสุขภาพของตนเองอย่างมากดังนั้น ในเรื่องของการกินของหวานจึงพยายามที่จะหลีกเลี่ยง เพราะของหวานส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมของแป้ง ไข่แดง และน้ำตาล ทำให้ปัจจุบันของหวานพวกนี้ถูกมองข้ามและถูกปฏิเสธจากกลุ่มคนที่รักสุขภาพ ของหวานจึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะหลายคนกังวลว่ากินแล้วจะทำให้เป็นโรคตามมาอาทิ โรคเบาหวาน ไขมัน โรคอ้วน เป็นต้น
อ.กมลวรรณ กล่าวต่อไปว่าลูกชุบถือเป็นขนมไทยที่มีความสวยงาม ที่ทำมาจากถั่วเขียว แต่เราอยากจะให้ผู้ทานได้ประโยชน์จากเมล็ดบัว เพราะเมล็ดบัวนั้นเป็นส่วนที่ได้จากฝักบัว และเป็นอาหารชนิดที่มีประโยชน์มาก เช่น ต่อต้านการเกิดเซลล์ไขมัน กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ AMPK ในกระบวนการสลายไขมัน ช่วยการดูดซึมแร่ธาตุ อาทิ แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็กโดยเฉพาะช่วยในการส่งเสริมสุขภาพหรือเพิ่มสมรรถนะบางกระบวนการในร่างกาย ซึ่งกระบวนการทำลูกชุบเมล็ดบัว มีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากกว่าการทำจากถั่วเขียว เนื่องจากเราต้องนำเมล็ดบัวแห้งมาแช่น้ำในตู้เย็น ประมาณ 5-6 ชั่วโมง เหตุผลที่จะต้องแช่ในตู้เย็น เนื่องจากจะทำให้ลูกชุบอยู่ได้นาน เพราะเราจะไม่ใส่สารใดๆ ลงไปทั้งสิ้น ลูกชุบจึงเก็บไว้ได้ 3 วัน แต่ต้นทุนในการผลิตจะสูงกว่า เพราะถั่วเขียวกิโลกรัมละ70-80 บาท ส่วนเมล็ดบัวแห้งกิโลกรัมละ 300-460 บาท แต่เชื่อว่าประโยชน์และคุณค่าทางอาหารที่ทำจากเมล็ดบัวนั้นมากกว่าถั่วเขียวแน่นอน
วัฒนธรรมในเรื่องอาหารของไทย ถูกถ่ายทอดสืบต่อกันมาหลายร้อยปี ซึ่งอาหารของไทยมีคุณสมบัติ ในทุกด้านไม่แพ้อาหารจากประเทศที่ได้รับการยกย่องเช่นเดียวกัน ดังนั้น จากต่อยอดวิจัยงานเรื่องเกี่ยวกับอาหารของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาในครั้งนี้จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี