รับบุญ‘วันมาฆบูชา’
ทูต8ชาติร่วมตักบาตร
ทูต 8 ประเทศ ร่วมตักบาตร เวียนเทียน ร่วมกับพุทธศาสนิกชนไทยในวันมาฆบูชา ณ วัดปทุมวนารามขณะที่ทั่วประเทศทำบุญตักบาตรคึกคัก
เมื่อเช้าวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตร และเวียนเทียน ร่วมกับคณะทูตานุทูตประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ประจำปี พ.ศ. 2563 ณ ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร นายอิทธิพล กล่าวว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชาปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 8 กุมภาพันธ์ 2563 ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ตรงกับวันมาฆบูชา กรมการศาสนาได้จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตร และเวียนเทียน
โดยมีทูตานุทูตจากประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา 8 ประเทศ เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย อินเดีย ภูฏาน เมียนมา เวียดนาม ญี่ปุ่น ศรีลังกา กัมพูชาและเนปาล พร้อมทั้งเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ในส่วนภูมิภาค จัดกิจกรรม ณ วัดหรือสถานที่จัดกิจกรรม และจัดงานมาฆบูชาอาเซียนใน 16 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ จังหวัดตาก เชียงราย แม่ฮ่องสอน สระแก้ว ตราด สุรินทร์ มุกดาหาร บึงกาฬ หนองคาย อุบลราชธานี นครพนม เลย ศรีสะเกษ ระนอง สงขลา และสตูล โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมศาสนิกชนให้เข้าวัด และร่วมกันประกอบศาสนพิธีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ โดยใช้มิติและกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นตัวเชื่อมโยง ซึ่งทูตานุทูตที่เข้าร่วมกิจกรรม ล้วนมีบทบาทสำคัญในการให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา และสนับสนุนกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาร่วมกับประเทศไทยมาโดยตลอด การเชิญคณะทูตานุทูตเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ จะเป็นการสานต่อความร่วมมือในการจัดกิจกรรมด้านศาสนาอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงเป็นแนวทางเพื่อการส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนในแต่ละประเทศได้น้อมนำหลักธรรมไปประพฤติปฏิบัติในการดำเนินชีวิต
ย้อนอดีตวันสำคัญทางพุทธศาสนา
นายอิทธิพล ยังกล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ปี 2563 เพื่อรำลึกถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ 1. เป็นวันเพ็ญเดือนมาฆมาส 2. เป็นวันที่พระสงฆ์ จำนวน 1,250 รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย 3. ภิกษุเหล่านั้นล้วนเป็นเอหิภิกขุ คือ ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า 4. ภิกษุเหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ การประจวบพร้อมกันด้วยเหตุการณ์
ทั้ง 4 นี้ จึงเรียกว่า วันจาตุรงคสันนิบาต คือการประชุมซึ่งประกอบด้วยองค์ 4 ในวันดังกล่าว พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ เป็นการวางหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไว้ 3 ประการ คือ ไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ผ่องใส
พัทยาร่วมตักบาตรวันมาฆบูชา
เช้าวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พุทธศาสนิกชนจำนวนมากใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ต่างพากันนำอาหารคาวหวานมาถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ เนื่องในวันมาฆบูชา ที่บริเวณศาลาการเปรียญ วัดธรรมสามัคคี และวัดบุญสัมพันธ์ โดยบรรดาผู้ปกครองได้นำบุตรหลานมาร่วมทำบุญเพื่อสืบสานประเพณี และวัฒนธรรมไทยในการทำบุญตักบาตรในวันสำคัญทางศาสนา และร่วมฟังธรรมเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ
สำหรับ วันมาฆบูชา ได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธ เนื่องจากมีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 ปีก่อน คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการ คือ พระสงฆ์สาวก 1,250 รูป ได้มาประชุมพร้อมกันยังวัดเวฬุวัน โดยมิได้นัดหมาย
พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดเป็น “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” หรือผู้ได้รับการอุปสม บทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง พระสงฆ์ที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6 และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ดังนั้น จึงเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า “วันจาตุรงค สันนิบาต”
พังงาจัดงานบุญยิ่งใหญ่
ที่วัดประชุมโยธี(พระอารามหลวง) อ.เมืองพังงา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นำหัวหน้าส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชนชาวพังงา ร่วมกันทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง และปัจจัยต่าง ๆ เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี พ.ศ.2563 โดยมีพระเทพปัญญาโมลี รองเจ้าคณะภาค 17 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ก่อนการตักบาตร ได้มีการร่วมกันสวดมนต์รับศีล รับพร จากคณะสงฆ์ และจะร่วมในพิธีเวียนเทียนในช่วงค่ำของวันนี้ ซึ่งในวันมาฆบูชาปี2563 นี้ จังหวัดพังงาได้จัดกิจกรรมแห่ผ้าห่มพระธาตุด้วยช้างกว่า50เชือกที่ วัดบางเหรียง อ.ทับปุด ,วัดพระธาตุ คีรีเขต อ.ตะกั่วป่า และวัดมาตุคุณาราม อ.ตะกั่วทุ่งวันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
วัดป่าบ้านค้ออุดรธานีคึกคัก
ด้านบรรยากาศวันมาฆบูชาปี 2563 ณ วัดป่าบ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มีพุทธศาสนิกชนชาวอุดรธานีจำนวนมาก ได้นำอาหารคาว หวาน ผลไม้ มาร่วมทำบุญตักบาตร เนื่องในวันมาฆบูชา โดยในช่วงเช้า พุทธศาสนิกชนได้ร่วมทำบุญตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์ ที่บิณฑบาตจำนวนมาก เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมถึงเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วอีกด้วย
นอกจากนี้ในช่วงค่ำวันนี้ พุทธศาสนิกชน จะร่วมพิธีเวียนเทียนตามวัดต่างๆ ตามประเพณี ที่ชาว พุทธปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน เนื่องจากในวันนี้เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระอรหันต์ 1,250 รูป ซึ่งไปประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ พระเวฬุวนาราม ในวันเพ็ญเดือน 3 หรือที่เราเรียกกันว่าวันมาฆบูชา
แห่ผ้าขึ้นห่มพระธาตุเมืองคอน
ด้านบรรยากาศที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช เนืองแน่นมาตั้งแต่เช้ามืด พุทธศาสนิกชนต่างสวมชุดสีขาวหลั่งไหลมาทำบุญเนื่องในวันมาฆบูชา โดยนายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นำประชาชนตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงฆ์ 99 รูป จากนั้นยังร่วมกันแห่ผ้าและสักการะองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นสิริมงคล โดยประชาชนจะต่อแถวแห่ผ้ารอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ รวมทั้งห่มองค์เจดีย์รายรอบทั้ง 149 องค์เจดีย์
ต่อมาในช่วงบ่าย มีพิธีเชิญผ้าพระบฏพระราชทาน จำนวน 5 ผืน พร้อม ขบวนผ้าพระบฏของหน่วยงาน สถานศึกษา องค์กร กลุ่มพลังมวลชน เคลื่อนจากบริเวณศาลาประดู่หก สนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช ไปตามถนนราชดำเนินสู่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา อัญเชิญผ้าพระบฏพระราชทานถวายองค์พระบรมธาตุเจดีย์ และพิธีบูชาเวียนเทียน
สำหรับประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ เป็นประเพณีสำคัญของชาวนครศรีธรรมราช สืบเนื่องกันมา 790 ปี จากตำนานที่เล่ากันว่าปี พ.ศ.1773 ขณะที่พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช กษัตริย์ของเมืองนครศรีธรรมราช กำลังสมโภชพระบรมธาตุเจดีย์อยู่นั้น ชาวเมืองอินทปัตย์ ซึ่งกำลังเดินทางไปนมัสการพระธาตุที่ศรีลังกา ได้ถูกพายุพัดจนเรือแตก มีผู้รอดชีวิตราว 10 คน มาขึ้นฝั่งที่เมืองปากพนัง พร้อมผ้าขาวผืนยาวมีภาพพุทธประวัติเขียนไว้ที่ผ้า เรียกกันว่า “ผ้าพระบฏ” ชาวบ้านจึงนำไปถวายพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชในกาลนั้น พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชได้โปรดให้นำผ้าดังกล่าวขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 จึงปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน เรียกว่า “ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี