เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) กล่าวว่า วันนี้ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 2/2563 มีมติเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีฉ้อโกงประชาชนที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จำนวน 2 รายคดี ดังนี้
1.มติคณะกรรมการธุรกรรมเห็นชอบให้อายัดทรัพย์สินของ นายภัทริคณ์ เรตะกุล (อาจารย์โหน่ง) กรรมการผู้จัดการ กับพวก ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 58 รายการ พร้อมดอกผล (เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร สลากออมทรัพย์ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ห้องชุดและหุ้น) รวมมูลค่า 44,669,854.75 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
สืบเนื่องมาจากบริษัท อี แอล ซี กรุ๊ป จำกัด โดย นายภัทริคณ์ เรตะกุล กรรมการผู้จัดการ กับพวก ได้จำหน่ายรายการนำเที่ยวผ่านโปรแกรมเฟซบุ๊ก ในลักษณะทัวร์กลุ่มปิดซึ่งเป็นการจำหน่ายรายการนำเที่ยวให้แก่สมาชิก โดยสมาชิกต้องเคยไปท่องเที่ยวทัวร์ที่บริษัทฯ จัดโปรแกรมเท่านั้นจึงจะซื้อทัวร์ได้ ซึ่งทัวร์ที่บริษัทฯ จัดจำหน่ายนั้นมีลักษณะราคาถูกมากกว่าปกติ เป็นราคาต่ำกว่าทุน มีการชักชวนให้สมัครสมาชิกแล้วให้สมาชิกแนะนำ บอกต่อ หรือชักชวนญาติ เพื่อน มาท่องเที่ยวกับบริษัทฯ หากสมาชิกทำได้จะได้รับสิทธิการท่องเที่ยวในราคาถูก เมื่อผู้เสียหายซื้อทัวร์และได้เดินทางไปท่องเที่ยวในราคาถูกได้จริงและได้รับการบริการไม่ต่างจากการไปเที่ยวในราคาปกติ จึงมีการจองรายการนำเที่ยวอื่นเพิ่มเติม แต่ต่อมาผู้เสียหายกลับไม่ได้เดินทางตามวันเวลาที่กำหนด โดยบริษัทฯ ได้แจ้งให้ผู้เสียหายเลื่อนการเดินทาง หรือเปลี่ยนทัวร์ไปรวมกับทัวร์อื่น บางรายถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม หรือหากรายใดไม่ประสงค์เดินทางให้แจ้งขอคืนเงินและจะได้รับเงินคืนภายใน 180 วัน แต่เมื่อ
ครบกำหนดดังกล่าว ผู้เสียหายกลับไม่ได้รับเงินคืน
2.มติคณะกรรมการธุรกรรมเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดี นายเควิน ลัย และนายหยาง หยวน เฉา กับพวก จำนวน 18 รายการ พร้อมดอกผล (ห้องชุด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 38,881,245.38 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน เนื่องมาจากพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา ว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
สืบเนื่องได้ร่วมกันใช้ชื่อในการก่อตั้งธุรกิจในชื่อ United Development Bank of Pacific หรือ ธนาคาร UDBP โดยมิใช่สถาบันการเงิน เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่าได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ หรือเป็นธนาคารสาขาของธนาคารที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งจากสาธารณรัฐวานูอาตู โดยมีรูปแบบการทำธุรกรรมที่คล้ายกับธนาคาร เช่น ออกสมุดบัญชีให้แก่สมาชิกที่ได้ชำระเงินค่าสมัครสมาชิก การตรวจสอบสถานะ ยอดเงินค่าคอมมิชชั่น และทำรายการขอรับค่าคอมมิชชั่นผ่านระบบอินเทอร์เน็ต แต่ปกปิดว่าเป็นสถานฝึกอบรมด้านการตลาด โดยมีการชักชวนให้บุคคลสมัครเข้าเป็นสมาชิกเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจดังกล่าว โดยมีการทำรายการส่งข้อมูลสมาชิกและหลักฐานการโอนเงินค่าสมัครผ่านทางอีเมล์และใช้บัญชีเงินฝากของตนและเครือข่ายรับโอนเงินค่าสมัครสมาชิก ในระยะแรกกำหนดค่าสมัครเป็นจำนวนเงิน 200 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีเงื่อนไขให้สมาชิกชักชวนบุคคลเข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่ม จึงจะได้รับเงินค่าคอมมิชชั่นตอบแทนเป็นร้อยละของค่าสมัครสมาชิก และเมื่อสามารถหาสมาชิกรายใหม่เพิ่มครบจำนวนที่กำหนดจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเพิ่มขึ้นตามระดับตำแหน่งนั้นๆ ตั้งแต่ร้อยละ 15 จนถึงร้อยละ 45 ของค่าสมัครสมาชิก
เป็นเหตุให้สมาชิกเดิมเชื่อว่า หากได้ชักชวนบุคคลอื่นเข้าร่วมด้วยการนำเงินมาฝากตามวิธีการดังกล่าวให้ได้ต่อเนื่องกันตลอดไปแล้ว ในที่สุดตนจะได้รับผลกำไรตอบแทนเป็นจำนวนเงินมากกว่าที่ตนได้นำมาฝากเมื่อเข้าเป็นสมาชิก เบื้องต้นจากฐานข้อมูลเว็บไซต์ธุรกิจดังกล่าว พบว่ามีรายชื่อสมาชิก จำนวน 9,010 ราย คิดเป็นเงินค่าสมัครทั้งสิ้นประมาณ 266,532,258 บาท
พล.ต.ต.ปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการตัดวงจรอาชญากรรรมและตัดเส้นทางทางการเงินของผู้กระทำความผิด สำนักงาน ปปง.จะเน้นการสืบสวนขยายผล เพื่อนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความเข้มข้น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อความสงบสุข ความมั่งคงของประเทศชาติต่อไป ภายใต้ปรัชญาการทำงานที่ว่า "ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไขด้วยกฎหมายฟอกเงิน" ทั้งนี้ หากพบเห็นบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน ขอให้โทรแจ้งหรือสอบถามได้ที่สายด่วน ปปง.1710 หรือผ่านทางคิวอาร์โค้ด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี