นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่สำนักข่าวทีเอ็นเอ็นไทยแลนด์รายงานว่า เกิดภัยแล้งหนักในอ.โป่งน้ำร้อน และอ.สอยดาว จ.จันทบุรี เนื่องจากน้ำในคลองธรรมชาติแห้งขอดทำให้ลำไยยืนต้นตาย เกษตรกรต้องซื้อน้ำมารดสวนลำไยนั้น กรมไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรีลงพื้นที่ตรวจข้อเท็จจริง ปรากฏว่า จ.จันทบุรีมีพื้นที่ปลูกลำไยทั้งหมด 211,955 ไร่ พื้นที่ให้ผล 208,453 ไร่ ปีการผลิต 2562/63 ให้ผลผลิต 218,000 ตัน พื้นที่ปลูกส่วนมากอยู่ในอ.โป่งน้ำร้อน และอ.สอยดาว เริ่มเก็บเกี่ยวมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2562-มีนาคม 2563 ปัจจุบันเหลือผลผลิตที่ยังไม่เก็บเกี่ยวอีกประมาณ 12,000 ตัน
สำหรับพื้นที่ที่เกิดกระแสข่าวดังกล่าว เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทานของโครงการอ่างเก็บน้ำคลองพระพุทธ ซึ่งในอดีตเกษตรกรปลูกมันสำปะหลังเป็นหลัก แต่เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาลำไยมีราคาสูง ทำให้เกษตรกรหันไปเปลี่ยนชนิดพืชที่ปลูก โดยส่วนใหญ่จะใช้น้ำจากคลองธรรมชาติ และแย่งกันใช้จนแหล่งน้ำแห้งในที่สุด สำหรับสระเก็บน้ำที่เกษตรกรขุดไว้ ไม่สามารถเก็บน้ำได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นดินลูกรังปนดินร่วนมีหินปะปน อย่างไรก็ตาม กรมกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในสถานการณ์ฤดูแล้ง ปี 2562/63 จำนวน 8 มาตรการ รวมทั้งเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ หาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรโดยด่วน
ด้านนายปิยะ สมัครพงศ์ เกษตรจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า อ.โป่งน้ำร้อน มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง คือ หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 3 ต.คลองใหญ่ พื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ผลผลิตลำไยประมาณ 360 ตัน เป็นพื้นที่ที่ยังไม่เก็บเกี่ยวผลผลิต จำเป็นต้องซื้อน้ำรด เพราะน้ำในสระเก็บน้ำในสวนและคลองธรรมชาติข้างเคียงแห้งขอด โดยจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนพื้นที่หมู่ที่ 1, 4, 7 ตำบลเทพนิมิต หมู่ที่ 4 หนองตาคง พื้นที่รวมประมาณกว่า 300 ไร่ เป็นพื้นที่ซึ่งต้นลำไยเหี่ยวแต่ยังไม่ตาย หากมีฝนตกจะฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดได้ประสานไปยังหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรีแล้ว แต่สภาพอากาศยังไม่พร้อมทำฝนเทียม และประสานงานช่วยเหลือขุดน้ำบาดาลแล้ว ส่วนอ.สอยดาว พื้นที่ประสบภัยแล้ง คือ หมู่ที่ 1, 6, 12 ตำบลสะตอน หมู่ที่ 1 ตำบลทับช้าง และหมู่ที่ 1, 6, 12 ตำบลทรายขาว พื้นที่ประมาณ 120 ไร่ ผลผลิตที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวมีประมาณ 40 ตัน แต่ลำไยที่ยืนต้นตายยังไม่พบ ส่วนใหญ่เป็นเพียงใบเหี่ยว ถ้ามีฝนตกก็จะฟื้นตัวเช่นกัน
สำหรับมาตรการแก้ไขที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้คือ แจ้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นสำรวจพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน สำนักงานชลประทาน และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพิ่มรถบรรทุกน้ำเพื่อการเกษตร จากเดิมที่ให้เพื่ออุปโภคบริโภคทุกพื้นที่ที่ประสบปัญหา การขุดลอกคูคลองธรรมชาติเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ ทำกระสอบทรายกั้น ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นเสนอของบประมาณเพื่อขุดเจาะบ่อบาดาลด้วยแล้ว สำนักงานเกษตรจังหวัด/อำเภออบรมเกษตรกรเกี่ยวกับการใช้น้ำให้เหมาะสมกับอายุไม้ผล โดยเปลี่ยนมาใช้หัวสปริงเกอร์ที่ใช้น้ำน้อยแทน และสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ แต่ยังทำได้น้อยเนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำ นอกจากนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เสนอแนวทางแก้ปัญหา ควรเร่งสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นในลุ่มน้ำโตนเลสาป ครอบคลุมพื้นที่ จ.สระแก้ว และพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนที่สร้างอ่างเก็บน้ำ ควรปรับแผนปลูกพืช เช่น มันสำปะหลัง หรือ ข้าวโพด แทน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี