สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้มีพระราชดำรัสตอนหนึ่ง เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมของสหกรณ์โคนมปากช่อง จำกัด จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 ว่า“ต้องปลูกฝังลูกหลานสมาชิกให้รักอาชีพการเลี้ยงโคนมมีผู้สืบทอดอาชีพการเลี้ยงโคนมและมีการอบรมส่งเสริมให้ความรู้ในการเลี้ยงโคนม”
กรมส่งเสริมสหกรณ์ จึงสานต่อแนวพระราชดำริโดยหารือกับสถาบันการศึกษา ทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น สนับสนุนทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาสัตวแพทย์หรือสัตวบาลให้ลูกหลานสมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม ตั้งแต่ปี 2561 ในการสนับสนุนทุนการศึกษาต่อปริญญาตรีในสาขาวิชาด้านปศุสัตว์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงโคนมตลอดหลักสูตรปัจจุบัน สหกรณ์โคนมทั่วประเทศมี 99 แห่ง และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมากถึง 36 แห่ง ในปี 2563
กรมจึงขยายความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยมหาสารคามมอบทุนการศึกษาให้ลูกหลานสมาชิกสหกรณ์โคนมเข้าเรียนต่อที่นี่ เนื่องจากมหาวิทยาลัยเปิดสอนคณะสัตวศาสตร์ เพี่อให้ผู้ที่ได้รับทุนดังกล่าว นำความรู้กลับมาพัฒนาฟาร์มโคนมของครอบครัว และทำงานในสหกรณ์โคนมที่พ่อแม่ตนเองสังกัด เนื่องจากปัจจุบันสหกรณ์โคนมยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านบริหารจัดการฟาร์มโคนม ดังนั้น ผู้ที่ได้รับทุนด้านสัตวบาลจะกลับไปสานต่ออาชีพการเลี้ยงโคนมของครอบครัวและให้คำแนะนำแก่เกษตรกรรายอื่นในพื้นที่ด้วย
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการความร่วมมือทางการศึกษาเพื่อสานต่ออาชีพการเลี้ยงโคนม อาชีพพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กรมจัดงบประมาณจากดอกผลกองทุนพัฒนาสหกรณ์เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีให้บุตร-หลานสมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม ได้เรียนในสาขาวิชาด้านปศุสัตว์หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพเลี้ยงโคนมตลอดหลักสูตร เพื่อนำความรู้เทคโนโลยี นวัตกรรมมาพัฒนาฟาร์มและบริหารจัดการธุรกิจสหกรณ์โคนม กลับมาประกอบอาชีพต่อในฟาร์มโคนมของครอบครัว หรือทำงานให้สหกรณ์โคนมที่ให้ทุนการศึกษา ช่วยพัฒนาอาชีพเลี้ยงโคนมและธุรกิจของสหกรณ์โคนมให้เจริญก้าวหน้า เข้มแข็งในอนาคต
โดยกรมจัดเวลาดำเนินโครงการ3 ปี คือ ปีการศึกษา 2563 – 2565 โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคามและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม จัดทำกรอบดำเนินงาน ระเบียบขั้นตอนสนับสนุนทุนการศึกษาแก่บุตร –หลานสมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม และกำหนดการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เมื่อวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ มีรองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคามร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว และเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ลงนามบันทึกข้อตกลง(MOU) กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมส่วนใหญ่อายุระหว่าง 55-65 ปี และต้องการให้ลูกหลานกลับมาสืบทอดอาชีพเลี้ยงโคนมจากรุ่นสู่รุ่น ขณะเดียวกันในส่วนสหกรณ์โคนมก็ยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาส่งเสริมให้ฟาร์มโคนมของสมาชิก กรมจึงตระหนักความสำคัญของการสร้างความมั่นคงในอาชีพเลี้ยงโคนม จำเป็นต้องสร้างคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นบุตรหลานของสมาชิกสหกรณ์เข้ามาสานต่อและเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาสหกรณ์โคนมให้เจริญก้าวหน้าในอนาคต
“ขณะนี้มีผู้สนใจสมัครขอรับทุนแล้ว 15 ราย คาดว่าโครงการนี้จะได้รับการตอบรับจากสมาชิกสหกรณ์และลูกหลานสมาชิกมาก การทำข้อตกลงกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อให้ทุนแก่บุตรหลานสมาชิกสหกรณ์ได้เข้าเรียนต่อปริญญาตรี เพื่อสนับสนุนพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ในกลุ่มผู้เลี้ยงโคนมของภาคสหกรณ์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือจะไม่จบแค่ 3 ปีเท่านั้น กรมพร้อมจัดสรรเงินสนับสนุนทุนการศึกษาและสานต่อโครงการนี้ต่อไป” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เห็นว่า โครงการนี้ดี น่าสนับสนุน ถือเป็นมิติใหม่ในการส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่ ได้มีความรู้เข้าใจอาชีพทำเกษตร ทางมหาวิทยาลัยมหาสารคามมีทั้งคณะสัตวแพทย์วิทยาศาสตร์บัณฑิต และสัตวศาสตร์ หากต้องการโควตาเรียนต่อให้ลูกหลานสมาชิกสหกรณ์ทางมหาวิทยาลัยพร้อมดูแลให้เป็นพิเศษ และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม พร้อมให้ความร่วมมือในมิติต่างๆ ไม่เฉพาะแลกเปลี่ยนทางวิชาการเท่านั้น แต่พร้อมร่วมขับเคลื่อนพัฒนาภาคเกษตรส่งเสริมเกษตรกรให้ได้รับการพัฒนามากขึ้น
สำหรับบุตร-หลานของสมาชิกสหกรณ์โคนมที่ประสงค์ขอเข้ารับทุนการศึกษาต่อ สาขาวิชาด้านปศุสัตว์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพการเลี้ยงโคนม สมัครและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มพัฒนาบุคลากรสหกรณ์สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ โทรศัพท์ 0-2669-4577 หรือศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ที่ 1-20 และสำนักงานสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ กรมมีข้อกำหนดสำหรับผู้รับทุนดังกล่าว เมื่อจบการศึกษาแล้วต้องกลับไปทำงานในสหกรณ์โคนมต้นสังกัด ไม่น้อยกว่า 5 ปี เพื่อนำความรู้และเทคโนโลยีกลับไปพัฒนาฟาร์มและสหกรณ์โคนมให้มีมาตรฐานผลิตน้ำนมคุณภาพ ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค รวมถึงมีส่วนช่วยพัฒนาธุรกิจสหกรณ์โคนมและสร้างความมั่นคงในอาชีพการเลี้ยงโคนมให้อยู่คู่กับคนไทยต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี