ชาวนาในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าว ขนข้าวใส่ยุ้ง เก็บไว้กิน ที่เหลือก็จะขาย นำเงินมาใช้จ่ายจิปาถะ และมีจำนวนไม่น้อย ที่ต้องมองหาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ด้วยการนำเอาภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งเรียนรู้จากบรรพบุรุษ ผลิต เป็นสินค้า ออกจำหน่าย สร้างรายได้เป็นอย่างดี
อย่างเช่น แม่บ้านชาวนาบ้านภูเขาขามต.คึมใหญ่ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญอีกหนึ่งความสำเร็จ ในการรวมตัวของบรรดาแม่บ้านผู้ทำนาปลูกข้าว ซึ่งว่างจากการทำนาปลูกข้าว โดยการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงไหมป่าอีรี่ ภูเขาขาม ขึ้นมีสมาชิก จำนวน 40 คน นางกฤษณา เจริญสุข เป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงไหมอีรี่ ภูเขาขาม และอีกตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคึมใหญ่ (ส.อบต.) ผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการผลักดัน ให้แม่บ้านชาวนามีงานทำมีรายได้ โดยการผลิตเส้นไยไหมป้อนบริษัทซึ่งบริษัทรับซื้อไม่อั้น จึงต้องมีการขยายเครือข่ายการผลิตไปหลายพื้นที่ โกยเงินเข้าชุมชนเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว
นางกฤษณา เจริญสุข อายุ 45 ปี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงไหมป่าอีรี่ภูเขาขาม เล่าว่า ได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่พี่น้องบ้านภูเขาขาม หมู่ที่ 6 ให้เป็นตัวแทน เป็นปากเป็นเสียงในหมู่บ้าน คือ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคึมใหญ่(ส.อบต.) ลงพื้นที่คลุกคลีกับชาวบ้านมาโดยตลอด ก็ทราบถึงปัญหาความเป็นอยู่ของพ่อแม่พี่น้องชาวภูเขาขามเป็นอย่างดี ซึ่งพบว่า หมดฤดูทำนา ก็จะว่างงาน และอยากให้ทุกคนมีงานทำ มีรายได้ หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี ก็นั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวัน จึงมาลงเอยที่ การเลี้ยงไหมป่าอีรี่โดยการสนับสนุนจากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ จังหวัดอุบลราชธานีในการอบรมให้ความรู้ วิธีเลี้ยงหม่อนไหม ทุกขั้นตอน จนสามารถทำเองได้ และทำการเลี้ยงไหมอีรี่จนกระทั่งปัจจุบัน สร้างรายได้ให้กับสมาชิกเป็นอย่างดี
นางกฤษณา เจริญสุข ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงไหมป่าอีรี่ ภูเขาขามผู้จุดประกายอาชีพแก่ชาวนาภูเขาขามกล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงไหมป่าอีรี่ผลิตส่งป้อนให้กับ5 แหล่ง คือ 1.บริษัทสปันซิล อ.แก่งคอย จ.สระบุรี 2.บริษัท เกรียงศักดิ์ จ.สระบุรี 3.ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ สระบุรี รับซื้อดักแด้ไปทำถังเช่า 4.จำหน่ายทางตลาดออนไลน์ และ 5.จำหน่ายเทศกาล
งานต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดอำนาจเจริญ งาน OTOP, งานตรานกยูงพระราชทานฯ
นางกฤษณา เจริญสุข ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงไหมอีรี่ ภูเขาขาม กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า จากการตั้งกลุ่มมาเป็นเวลา 7 ปี (ตั้งกลุ่มปี 2556) นับว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะที่ผ่านมามีเกษตรกรผู้สนใจเดินทางเข้ามาเรียนรู้ ศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการขยายเครือข่ายเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน มีเครือข่ายเลี้ยงไหมป่าอีรี่ จังหวัดอำนาจเจริญ จำนวน 47 ราย แบ่งเป็น
4 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มเลี้ยงไหมอีรี่ ต.ลือ อ.ปทุมราชวงศา จำนวน 14 ราย 2.กลุ่มเลี้ยงไหมป่าอีรี่ ต.นายม อ.เมืองอำนาจเจริญ จำนวน 13 ราย 3.กลุ่มเลี้ยงไหมป่าอีรี่ ต.ชานุมาน อ.ชานุมาน จำนวน 10 ราย และ 4.กลุ่มเลี้ยงไหมป่าอีรี่ ต.คำเขื่อนแก้ว อ.ชานุมาน จำนวน 10 ราย ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มมีการผลิตรังไหมอีรี่และดักแด้อีรี่ให้แก่กลุ่มไหมป่าอีรี่ ภูเขาขาม เพื่อจำหน่ายให้แก่บริษัท
จังหวัดสระบุรี
สำหรับรายได้ในการจำหน่ายหม่อนไหมที่ผ่านมา มีดังนี้
1.จำหน่ายรังไหมอีรี่/รุ่น เป็นเงิน 1,200-1,500 บาท/ราย
2.จำหน่ายดักแด้ไหม/รุ่น เป็นเงิน 12,600 บาท/ราย
3.ปริมาณการสาวไหม/รุ่น ปีละ 50 กก. โดยจำหน่ายในราคา กิโลกรัมละ 2,000 บาท เป็นเงิน 100,000 บาท/กลุ่ม
4.ผลิตผ้าไหมอีรี่ ผ้าคลุมไหล่30 ผืน/เดือน ผืนละ 800-1,200 บาท/เดือนเป็นเงิน 30,000 บาท/กลุ่ม
5.ดักแด้อบกรอบปีละ 1,500 ซองซองละ 35 บาท จำหน่ายได้ 1,000 ซอง เป็นเงิน 35,000 บาท/ปี รวมเป็นรายได้เฉลี่ย/ราย เป็นเงิน 14,100 บาท และรวมรายได้เฉลี่ย/ปี/ราย เป็นเงิน 112,800 บาท
ซึ่งที่ผ่านมา ผลสัมฤทธิ์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงไหมป่าอีรี่ คือ 1.เกิดรายได้เพิ่มขึ้น จากการเลี้ยงไหมป่าอีรี่ เป็นเงิน 112,800 บาท/ปี/ราย 2.สร้างรายได้ต่อกลุ่ม รวมเป็นเงิน 5,640,000 บาท/ปี/กลุ่ม 3.เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายสร้างงาน สร้างรายได้ ในจังหวัดอำนาจเจริญ4.ลดปัญหาว่างงาน 5.ลดปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ (มันสำปะหลัง) 6.นำใบมันสำปะหลังมาใช้ประโยชน์แทนการทิ้งให้สูญเปล่า 7.เกิดเกษตรกรรายใหม่ด้านหม่อนไหมเพิ่มขึ้น 8.เกิดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่างๆ (กรมหม่อนไหม, กรมส่งเสริมการเกษตร, พัฒนาชุมชน)
และไม่นานมานี้ นายสมเกียรติ แก้วรัตน์ นายอำเภอเมืองอำนาจเจริญ และผู้รับผิดชอบในตำบลคึมใหญ่ เป็นพยานในการซื้อขาย รังไหม จากกลุ่มผู้เลี้ยงไหมอีรี่ โดยใช้ใบมันสำปะหลังเลี้ยงแทนใบหม่อนบ้านภูเขาขาม ต.คึมใหญ่ อ.เมืองอำนาจเจริญจ.อำนาจเจริญ กับบริษัทโคโคนิก จำกัด ซึ่งตกลงทางบริษัทจะมารับซื้อไหมไม่อั้น ราคา กก.ละ 400 บาท และต้องการซื้อไหมปีละ 10 ตัน
ด้านนายสมเกียรติ แก้วรัตน์นายอำเภอเมืองอำนาจเจริญ กล่าวว่า ที่ผ่านมาอำเภอเมืองอำนาจเจริญ ให้การส่งเสริมสนับสนุน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงไหมป่าอีรี่ภูเขาขาม โดยใช้ใบมันสำปะหลังเลี้ยงแทนใบหม่อน ด้วยการก่อสร้างโรงเรือนเลี้ยงไหมจำนวน 4 โรงเรือน และอื่นๆ ส่วนการรับซื้อไหมป่าอีรี่ ก็ขอให้มีความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ตามข้อกำหนดและตกลงกันไว้...
สนธยา ทิพย์อุตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี