ช็อก!บุคลากรการแพทย์ไทย
ติดเชื้อไวรัส‘โควิด-19’รายแรก
มาจากโรงพยาบาลเอกชน
สาธารณสุขเพิ่มมาตรการเข้ม
ยอดตายทั่วโลกทะลุ1,500ศพ
ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 พุ่งไปที่ 1,526 ศพ และผู้ติดเชื้อทะลุ 67,000 คน ที่อียิปต์แจ้งพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นรายแรกในทวีปแอฟริกา ด้านสธ.เผยพบบุคลากรการแพทย์โรงพยาบาลเอกชน ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวรายแรกเป็นหญิงอายุ 35 ปี ทำงานใกล้ชิดผู้ป่วย ไม่สวมหน้ากากอนามัยส่งรักษาตัวบำราศนราดูร เตรียมประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อในโรงพยาบาล
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองสำนักโรคติดต่อทั่วไป และ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-2019 ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม 1 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ เพศหญิงอายุ 35 ปี ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยอาการคนที่ 27 ซึ่งตอนแรกอาการไม่รุนแรง จากการสอบสวนโรคจึงทราบ ขณะที่ปฎิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย จึงเป็นสาเหตุให้ติดเชื้อ ขณะนี้มารักษาอยู่ที่ห้องแยกโรคสถาบันบำราศนราดูรและจากการติดตามพบว่าบุคลากรการแพทย์อาศัยอยู่ตามลำพัง ทำให้ไม่มีผู้เสี่ยงใกล้ชิดเพิ่ม และได้ให้ติดตามบุคลากรการแพทย์อื่นๆ ที่ดูแลผู้ป่วยอีก 24 คน ผลการตรวจยืนยันเป็นลบ ไม่ติดเชื้อ แต่ให้มีการเฝ้าระวัง 14 วัน ตามมาตรการควบคุมโรค
บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ1.7พันคน
ทั้งนี้ จากรายงานต่างประเทศพบว่า มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว 1,716 คน คิดเป็นร้อยละ 3.8 ของผูติด้ชื้อที่ได้รับการยืนยันที่ประเทศจีนและมีบุคลากรทางการแพทย์เสียชีวิต 6 คน คิดเป็นร้อยละ 0.4 ส่วนวันนี้ก็มีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน อายุ 56 ปี ทำให้มีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 14 คนเหลือรักษาตัวใน รพ.20 คน ภาพรวมมีผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนา 2019 จำนวน 34 คน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สำหรับขวัญและกำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์ยังดีอยู่ แต่ก็เป็นการแสดงเตือนให้เห็นว่าอย่าได้ประมาท กลไกการเฝ้าระวังโรคต้องเข้มแข็ง บุคลากรต้องสวมเครื่องป้องกัน ขณะเดียวในรายผู้ป่วยอาการหนัก 2 คน ได้แก่ คนป่วยวัณโรคร่วม โคโรนาและผู้ป่วยมีอาการรุนแรง 33 ปี เตรียมนำยาต้านไวรัสจากต่างประเทศ มาใช้ร่วมรักษาได้แก่ยาฟาวิพิราเวียร์ รักษาไข้เลือดออกอิโบลา ร่วมกับการนำน้ำเหลือง(แอนติบอดี)ของคนขับรถแท๊กซี่ที่รักษาหายไว้มาฉีด เพื่อกระตุ้นภูมิให้กับ ผู้ป่วย
หารือแพทย์ทั่วประเทศ17ก.พ.นี้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในวันจันทร์ 17 กุมภาพันธ์ นี้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตรียมประชุมระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ทั่วประเทศและบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไปเพื่อหารือถึงมาตรการกลไกการต้องระวังและป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในโรงพยาบาลเนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงจำเป็นต้องเฝ้าระวังและป้องกันขณะเดียวกันเตรียมหารือเรื่องของการอนุมัติงบประมาณสนับสนุนด้านขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากรที่ปฎิบัติหน้าที่ด้วย
เน้นเฝ้าระวังบุคลากรทางการแพทย์
นพ.โสภณ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะทำในกลุ่มเสี่ยงตั้งแต่นักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศจนถึงการระบาดเฟสที่ 2 คือในกลุ่มทำงานที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวหรือที่มีการติดต่อประสานงานกันกับกลุ่มนักเดินทางจากนี้จะกลับมาเน้นเรื่องการเฝ้าระวังและป้องกันในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ถือเป็นกลุ่มสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยตรงเช่นกัน
ส่วนลูกเรือเวสเตอร์ดัมที่ขณะนี้เดินทางเข้ามาไทยเพื่อมาต่อเครื่องที่ สนามบินสุวรรณภูมิมีรวม 9 คน เป็นต่างชาติ 8 คน คนไทย 1 คนทุกคนไม่มีไข้ ทั้งหมดเดินทางออกจากไทยไปแล้ว
ผู้ติดเชื้อสังกัด รพ.เอกชน
ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันรายใหม่ล่าสุดว่า เป็นบุคลากรของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ไม่ใช่บุคลากรของสถาบันบำราศนราดูรแต่อย่างใด ล่าสุดผู้ป่วยยืนยันรายดังกล่าวได้ส่งตัวเข้ารักษาที่สถาบันบำราศนาดูร
“ขอยืนยันว่าสถาบันบำราศนราดูรเป็นโรงพยาบาลที่ให้การดูแลรักษาโรคติดเชื้อโดยเฉพาะ จึงมีมาตรฐานในการดูแลผู้ติดเชื้อและบุคลากรทางการแพทย์” นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าว
พังงากระทบอุตสาหกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่บริเวณ โรงงานส่งออกไม้ยางพารา บ.เอส.อี.พี.เวิร์ลไวด์ จำกัด ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ต้องชะลอการส่งออกหลังจากประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่ของโรงงานในพื้นที่จังหวัดพังงา ชะลอการสั่งซื้อสินค้านำเข้าทุกประเภท หลังจากเชื้อไวรัส โควิค 19 ระบาดอยู่ในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆในประเทศไทยและจังหวัดพังงา เบื้องต้นทาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดพังงาต้องผลิตไม้ยางพาราเก็บไว้ในสต๊อกไว้ในโกดัง รอสถานการณ์ให้ดีขึ้น เช่นเดียวกับ โรงงานสัตว์น้ำแช่แข็ง เพื่อการส่งออก ที่มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นประเทศจีน ได้รับผลกระทบจากการชะลอการส่งออกอาหารแช่แข็งประเภทต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการขาดรายได้ บางแห่งต้องหยุดทำการของโรงงาน เนื่องจากไม่มีออร์เดอร์ส่งออกสินค้า ด้านผู้ประกอบการโรงงาน และ สมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยอมรับไทยประกาศปิดท่าเทียบเรืออุตสาหกรรมการส่งออก ขณะจีนชะลอการนำเข้า จนถึง 1 มีนาคม 2563 พร้อมรอดูสถานการณ์เชื้อไวรัสหลังจากนี้
โดยนายกิจก้อง ตันติจรัสวโรดม ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ กล่าวว่า จากที่ประเทศจีนประสบสถานการณ์ ไวรัสโควิค 19 กระทั่งมีการชะลอการนำเข้าจากทุกประเทศส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมในไทย โดยเฉพาะภาคใต้ท่าเทียบเรือภาคอุตสาหกรรมปิดเท่าเรือเพื่อชะลอการส่งออก ทำให้สินค้าการส่งออกหลายรายการต้องชะลอการผลิต
ด้านนายพีระ เพชรพาณิชย์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการ บริษัท เอส.อี.พี.เวิร์ลไวด์ จำกัด กล่าวว่า คู่ค้าใหญ่ของภาคอุตสาหกรรมในไทยคือประเทศจีน เมื่อมีสถานการณ์เชื้อไวรัส โควิค 19 ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตต้องชะลอการส่งออก ซึ่งมีผลกระทบทั่วโลก สำหรับจังหวัดพังงา ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตไม้ยางพารา เพื่อทำเฟอร์นิเจอร์ในประเทศจีน ทราบว่า ทางประเทศจีนได้หยุดผลิตเนื่องจากต้องการให้ พนักงาน คนงาน ของโรงงานแต่ละแห่งได้หยุดการทำงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ทำให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของโรงงานในพื้นที่ โดยให้รอดูสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิคต่อไป
ปักกิ่งสั่งกักโรคหลังกลับเข้าเมือง14วัน
สำหรับสถานการณ์ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน คณะทำงานป้องกันไวรัสของกรุงปักกิ่งประกาศว่า ประชาชนทุกคนที่กลับเข้าพื้นที่กรุงปักกิ่งหลังสิ้นสุดวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่ได้รับการประกาศให้ขยายเวลาจนถึง 14 กุมภาพันธ์ จะต้องกักตัวเองในบ้านเพื่อเฝ้าสังเกตอาการนาน 14 วัน และหากใครฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะบังคับใช้อย่างไร หรือ ครอบคลุมถึงคนที่ไม่ใช่ชาวเมืองปักกิ่งหรือชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศด้วยหรือไม่ โดยปัจจุบัน มีประชากรในพื้นที่กรุงปักกิ่งมากกว่า 20 ล้านคน
ยอดเสียชีวิตทั่วโลก1,526ราย
ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตด้วยไวรัสโควิด-2019 ในทั่วโลกเพิ่มเป็น 1,526 คน แบ่งเป็นในจีนแผ่นดินใหญ่ 1,523 คน ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง และญี่ปุ่นชาติละ 1 คน และผู้ติดเชื้อทั่วโลก 67,100 คน แต่เฉพาะในจีนมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 143 คนและผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,641 คน นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขจีนยังเปิดเผยครั้งแรกว่า มีบุคลากรการแพทย์เสียชีวิตจากการรักษาอาการผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วจำนวน 6 คนและติดเชื้ออีก 1,716 คน
ปธน.จีนเรียกร้องยกระดับรับมือไวรัส
ด้าน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวเรียกร้องให้ปรับปรุงระบบการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขและทบทวนกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อ โดยยอมรับว่า ยังมีการเตรียมการไม่เพียงพอรับมือกับหายนะภัย ทั้งในแง่การประเมินความเสี่ยง การวิจัย และการบริหารจัดการเชิงลึกสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งยังไม่มีระบบเฝ้าสังเกตและการเตือนภัยล่วงหน้า และแนวทางพื้นฐานการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน
อียิปต์ป่วยรายแรก-ญี่ปุ่นขยายวง
ส่วนสถานการณ์การระบาดในทั่วโลก มีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายแรกในอียิปต์ และเป็นรายแรกของทวีปแอฟริกา กระทรวงสาธารณสุขอียิปต์ ยืนยันเมื่อวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ว่า ผู้ป่วยโรคไวรัสโควิด-19 เป็นชาวต่างชาติ แต่ไม่ระบุสัญชาติหรือรายละเอียดอื่นใด นอกจากบอกว่าไม่มีอาการป่วยรุนแรง
ขณะที่ญี่ปุ่นเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า สถานการณ์ระบาดขยายวงกว้างขึ้น หลังจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 259 ราย และมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศที่ไม่เคยไปจีนเพิ่มขึ้น โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งในกรุงโตเกียว จังหวัดไอจิ, ฮอกไกโด และโอกินาวา หลังพบว่ามีคนขับแท็กซี่คนหนึ่ง ที่อาจแพร่เชื้อให้อีกหลายคน และเจ้าหน้าที่จะตรวจหาเชื้อประชาชนเกือบ 100 คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับเขา ซึ่งเกือบ 10 คนเริ่มมีไข้และอาการอื่นๆ โดยคนขับแท็กซี่วัย 70 ปีเศษรายนี้ เป็นลูกเขยของหญิงชราวัย 80 ปีเศษ ที่เป็นผู้เสียชีวิตรายแรกในญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีแพทย์รายแรกติดเชื้อที่โรงพยาบาลในจังหวัดวากายามา
สหรัฐฯขอบคุณกัมพูชาให้เรือเทียบท่า
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทวีตข้อความผ่านบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัว ขอบคุณรัฐบาลกัมพูชาที่อนุญาตให้เรือสำราญเรือเวสเตอร์ดัมของคาร์นิวัลครูซของสหรัฐเทียบท่า หลังจากถูกหลายประเทศปฏิเสธเพราะกลัวโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และสหรัฐฯ จะจดจำความเอื้อเฟื้อในครั้งนี้
โดยเรือเวสเตอร์ดัมของฮอลแลนด์อเมริกา บริษัทในเครือคาร์นิลวัลกรุ๊ปเทียบท่าเมืองสีหนุวิลล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชาเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากต้องลอยอยู่กลางทะเลนานสองสัปดาห์ ผู้โดยสาร 1,455 คนทยอยลงเรือตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านต่อไป ซึ่งผู้โดยสารได้รับการตรวจร่างกายตลอดเวลาที่อยู่บนเรือ และเจ้าหน้าที่กัมพูชาได้นำตัวอย่างเลือดผู้โดยสาร 20 คนไปตรวจทันทีที่เรือเทียบท่า ผลตรวจไม่พบเชื้อไวรัส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี