ทัพเรือภาคที่2 จับเรือคราดปลิงทะเลเวียดนาม 4 ลำ รุกน่านน้ำไทย ตรวจเข้มโควิด-19
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สงขลา ว่า เรือหลวงล่องลม เรือ ต.111 และเรือ ต.274 ได้ควบคุมเรือคราดปลิงทะเลเวียดนาม 3 ลำ และลูกเรือ 16 คนเข้าเทียบท่าที่ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 ส่วนเรือหลวงปัตตานีได้เดินทางกลับเข้าฝั่ง พร้อมลากจูงเรือคราดปลิงทะเลเวียดนามอีก 1 ลำ และลูกเรือ 5 คน เนื่องจากเรือเครื่องยนต์ขัดข้อง ในการปฏิบัติการในครั้งนี้สามารถจับกุมเรือคราดปลิงทะเลเวียดนามทั้งหมด4 ลำ และลูกเรือรวม 21 คน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่14 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 (ศรชล.ภาค 2) ได้รับรายงานจากสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลเขต ทัพเรือภาคที่ 2 และสมาชิกชมรมวิทยุมดดำนาวีทัพเรือภาคที่2 ว่ามีเรือประมงต่างชาติ ซึ่งเป็นเรือประเภทคราดปลิงรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในทะเลอาณาเขตของประเทศไทย
พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 และผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 จึงสั่งการให้ เรือหลวงปัตตานี เรือหลวงล่องลม เรือ ต.111 และเรือ ต.274 โดยให้เรือหลวงปัตตานี เป็นเรือควบคุมการปฏิบัติออกปฏิบัติภารกิจในการตรวจสอบเรือประมงต่างชาติลักลอบทำการประมงในพื้นที่รับผิดชอบดังกล่าว จากปฏิบัติการในครั้งนี้สามารถจับกุมเรือประมงเวียดนามได้จำนวน 4 ลำ ผู้ควบคุมพร้อมลูกเรือรวมจำนวน 21 คน สำหรับจับกุมในครั้งนี้ถือว่า เป็นการจับกุม เป็นครั้งที่ 5 ในปีงบประมาณ 2563 โดยมีจำนวนเรือที่จับกุมมาแล้ว รวม 8 ลำ ผู้ต้องหารวม 42 ราย
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการดำเนินการตามมาตรการในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 จึงได้มีการจัดทีมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลฐานทัพเรือสงขลาดำเนินการตรวจคัดกรองลูกเรือทั้งหมดก่อนขึ้นจากเรือ โดยทำการซักและสอบประวัติ เพื่อประเมินความเสี่ยง และตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย จากการคัดกรองแล้ว พบว่า ไม่มีลูกเรือที่ต้องสงสัยจากการคัดกรองในครั้งนี้ เนื่องจากลูกเรือประมงชาวเวียดนามทั้งหมดไม่ได้เดินทางมาจากประเทศจีน หรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา และไม่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ต้องสงสัยการติดเชื้อทั้ง 16 คน ทั้งนี้ ยังมีลูกเรือประมงชาวเวียดนาม ที่ยังอยู่ระหว่างเดินทางมาอีกจำนวน 5 คน ซึ่ง ศรชล.ภาค 2 จะได้ทำการคัดกรองตามกระบวนการเช่นเดียวกันนี้ต่อไป
สำหรับการตั้งข้อหากับเรือประมงต่างชาติไว้ครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการจับกุมได้ในพื้นที่ทะเลอาณาเขตของประเทศไทย จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาจำนวน 5 ข้อหา ดังนี้
1.ร่วมกันทำการประมงพาณิชย์โดยไม่มีใบรับอนุญาตทำการประมง ตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 มาตรา 36 ประกอบมาตรา 129 วรรคสอง
2.เป็นคนต่างด้าวร่วมกันทำหน้าที่เป็นลูกเรือในเรือประมงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.2482 มาตรา 5 ทวิ และ มาตรา 11 ทวิ
3.ทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.2482 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง (1) มาตรา 11 วรรคหนึ่ง
4.ไม่เข้า - ออก ตามช่องด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่าสถานีหรือท้องที่ที่กำหนด/ไม่เข้า - ออกตามเวลาที่กำหนด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11 ประกอบมาตรา 62
5. เข้ามาหรือออกไปโดยยื่นรายการและไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองเส้นทางนั้นตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 18 วรรคสอง ประกอบมาตรา 62
ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 (ศรชล.ภาค 2)ขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า ในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 113,275 ตารางกิโลเมตร นั้นเราจะปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลมิยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในพื้นที่เป็นอันขาดและขอความร่วมมือพี่น้องชาวประมงได้ช่วยแจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิดทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทยต่อไป “เป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี