ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษมวัฒนชัย องคมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจีเปิดเผยว่า จากการที่เอสซีจีได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) มาตั้งแต่ปี 2558 สนับสนุนชุมชนที่ประสบภัยแล้งซ้ำซากให้บริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ ด้วยการพึ่งพาตนเองใน 9 พื้นที่ทั่วประเทศ ช่วยให้มีน้ำสำรองกว่า 16 ล้าน ลบ.ม. ประชาชนกว่า 6,700 ครัวเรือน มีน้ำเพียงพออุปโภคบริโภคและการเกษตร ด้วยเล็งเห็นว่าปัญหาภัยแล้งปีนี้รุนแรงมากที่สุดในรอบ 40 ปี และส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนอย่างยิ่ง เอสซีจี จึงร่วมกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ สสน. และสยามคูโบต้า จัดโครงการ “เอสซีจีร้อยใจ 108 ชุมชน รอดภัยแล้ง” ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสเอสซีจีครบรอบ 108 ปี ในปี 2564 ส่งเสริม 108 ชุมชนที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก แต่มีความสามัคคี เข้มแข็ง พร้อมเรียนรู้การจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ ให้วางแผนจัดการน้ำด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งได้ด้วยตนเองตลอดกระบวนการโดยใช้เวลา 2 ปี ภายใต้งบประมาณ 30 ล้านบาทและมีชุมชนแกนนำของอุทกพัฒน์ฯ รวมทั้งเอสซีจีร่วมเป็นพี่เลี้ยง เพื่อให้ชุมชนรอดพ้นวิกฤติและไม่ประสบภัยแล้งอีกต่อไปพร้อมได้รับความช่วยเหลือจากกำลังพลกองทัพภาคที่ 1, 2 และ 3 ร่วมสำรวจและพัฒนาพื้นที่ประสบภัยแล้งด้วย
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประเทศไทยแม้จะมีฝนตกเฉลี่ย 7-8 แสนล้านลบ.ม.ต่อปี ซึ่งเพียงพออุปโภคบริโภคและการเกษตรของประชาชน แต่หลายภาคส่วนยังขาดองค์ความรู้บริหารจัดการน้ำ ทำให้เกิดภัยแล้งและน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ดังนั้น จึงต้องเก็บกักน้ำในช่วง 3-4 เดือน ที่มีน้ำ ให้พอใช้ในอีก 9 เดือนที่เหลือ เพื่อแก้ภัยแล้งได้สำเร็จ และคนในชุมชนต้องลุกขึ้นมาแก้ปัญหาด้วยตนเอง รวมถึงประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศบริหารจัดการน้ำ ให้มีน้ำใช้ได้ตลอดปี ดังนั้น ชุมชนที่จะแก้ปัญหาภัยแล้งได้ ต้องเข้มแข็ง มีความรู้และความสามัคคี มีแหล่งน้ำอยู่ใกล้เคียงหาที่กักเก็บน้ำ โดยอาจปรับปรุงแหล่งน้ำเดิมที่มีอยู่ เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้น้ำ และใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการน้ำกระจายน้ำสู่ชุมชน เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม GPS และโซลาร์ฟาร์มเพื่อประหยัดไฟฟ้า ถ้าทุกคนช่วยกันจะข้ามผ่านวิกฤติภัยแล้งและมีน้ำกินน้ำใช้ อยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
ด้านนายสมศักดิ์ มาอุทธรณ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่าตลอด 41 ปีที่สยามคูโบต้าอยู่เคียงข้างเกษตรกรไทย ทำให้เราเห็นผลกระทบของภัยแล้งที่เกิดขึ้นในภาคการเกษตรมาต่อเนื่อง หากเกษตรกรไม่มีการบริหารจัดการน้ำที่ดีจะทำให้การเพาะปลูกยากขึ้นส่งผลกระทบต่อคุณภาพและปริมาณผลผลิตได้ สยามคูโบต้าเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรกลการเกษตรและอะกริโซลูชันเกษตรครบวงจร หรือ KAS จึงสนับสนุนความรู้และการขุดแหล่งน้ำด้วยรถขุดขนาดเล็กคูโบต้า หวังว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วนครั้งนี้จะช่วยให้ชุมชนมีสระน้ำที่ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพและรายได้มั่นคง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านเกษตรกรรมของประเทศไทยให้แข่งขันได้ในตลาดโลกยั่งยืนโดยชุมชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ติดต่อได้ที่สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) โทร.08-6626-6233 หรือ อีเมล agro@hii.or.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี