นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า ปี 2563 กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ลักษณะอากาศประเทศไทยจะเผชิญฝนแล้งตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม – เดือนมิถุนายน โดยปริมาณฝนจะต่ำกว่าค่าปกติ 3 – 5% ดังนั้น จึงขอความร่วมมือเกษตรกรและประชาชนเตรียมรับมือ และใช้น้ำอย่างประหยัด โดยไม่ปลูกพืชฤดูแล้งเกินแผนที่กำหนด พร้อมดูแลรักษาความชื้นในแปลงปลูกพืช สร้างแหล่งน้ำในไร่นา หรือปรับเปลี่ยนกิจกรรมการเกษตรโดยใช้แนวทางตามศาสตร์พระราชาเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เช่น เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน
กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจและประเมินเบื้องต้น คาดว่าพื้นที่ไม้ผลเสี่ยงนอกเขตชลประทานมี 30 จังหวัด 207 อำเภอ 1,068 ตำบล พื้นที่รวม 374,978 ไร่ ซึ่งตรงกับฤดูกาลของผลไม้ภาคตะวันออกและภาคเหนือ คือ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลิ้นจี่ ลำไย หากไม้ผลได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตคุณภาพต่ำ ส่งผลกระทบต่อไม้ผลทั้งในปริมาณและคุณภาพของผลผลิต ดังนั้น เกษตรกรจึงต้องดูแลสวนไม้ผลเป็นพิเศษ โดยช่วงภัยแล้งจำเป็นต้องจัดการสวนของตนเองให้ต้นไม้อยู่รอดผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปให้ กรมส่งเสริมการเกษตรจึงรณรงค์ประชาสัมพันธ์ “เกษตรร่วมใจรับมือภัยแล้ง ปี 2563” สร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารให้เกษตรกรมีข้อแนะนำการดูแลไม้ผล ดังนี้
1. การให้น้ำควรให้แบบประหยัดที่สุด คือ ให้น้ำต้นไม้ผล ภายในบริเวณรัศมีทรงพุ่มเท่านั้น ควรให้น้ำแบบระบบน้ำหยดหรือหัวเหวี่ยงขนาดเล็กจะช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่าใช้สายยาง ให้น้ำครั้งน้อยๆ แต่บ่อยครั้งเปลี่ยนช่วงให้น้ำเป็นกลางคืน เพื่อให้พืชลดการระเหยน้ำจากการถูกแดดเผา 2.ใช้วัสดุคลุมดิน โดยคลุมจากโคนต้นไม้ผลจนถึงแนวรัศมีทรงพุ่ม วัสดุที่ใช้ ได้แก่ ใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นจากต้นไม้ผล ใบตองแห้ง ทางมะพร้าว กาบมะพร้าว หญ้าแห้ง จะช่วยชะลออัตราการระเหยของน้ำจากผิวดินให้ช้าลง กรณีต้นไม้เล็กควรใช้วัสดุช่วยในการพรางแสง เพื่อลดความเข้มแสง หากต้นยังเล็กจะต้องพรางแสงช่วยด้วย
3.การตัดแต่งกิ่ง ไม้ผลที่เก็บเกี่ยวช่วงต้นฤดูแล้ง ให้ทรงพุ่มโปร่ง ลดการระเหยน้ำทางใบ สำหรับไม้ผลบางชนิด เช่น ทุเรียน หากประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอาจทำให้ต้นโทรมและถึงตายได้ หรือมังคุดที่ติดผลแล้ว หากขาดแคลนน้ำผลจะมีขนาดเล็ก ก้นผลจีบ คุณภาพไม่ดีต้องรีบทำการตัดทิ้งให้หมด4.การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดตั้งแต่ต้นฤดูแล้ง และใช้เศษวัสดุที่แห้งแล้วมาคลุมโคนต้นไม้ผล 5.การจัดหาแหล่งน้ำ ควรปรับปรุงบ่อน้ำให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ และสูบน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงมาเก็บกักไว้ สำหรับสวนผลไม้ที่อยู่ใกล้ทะเล จำเป็นต้องกักน้ำจืดไว้ป้องกันน้ำเค็มที่จะเข้ามาในสวน
6.ไม่ควรใสปุ๋ยช่วงแล้ง หากน้ำไม่พอ เป็นการไปกระตุ้นการเจริญเติบโต ให้แตกใบอ่อนช่วงแล้งน้ำน้อย จะทำให้พืชมีน้ำไม่พอใช้มากขึ้น ส่งผลทำให้ต้นเหี่ยวเฉาและตายได้7. การทำแนวกันไฟรอบสวน ควรกำจัดวัชพืชภายในบริเวณสวนไม้ผลให้โล่งเตียนทันทีหลังหมดสิ้นฤดูฝน ป้องกันไฟไหม้สวน หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี