กรมชลฯเดินหน้าผันน้ำเติมเขื่อนอุบลรัตน์ เพิ่มพื้นที่ชลประทานให้ครอบคลุม7จังหวัดอีสาน ศึกษาโครงการจัดการ’น้ำโขงเลยชีมูล’วงเงิน1.5แสนล้าน ระยะโครงการ9ปี แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ชี้ฝนทิ้งช่วงปัจจัยสำคัญ ส่งผลให้แก้ไขได้ยากลำบาก
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล ว่าขณะนี้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กำลังศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการระยะที่ 1 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ศึกษาความเหมาะสมโครงการระยะที่ 1 เสร็จสิ้นแล้วเมื่อปี 2560 วัตถุประสงค์เพื่อจัดหาบริหารจัดการน้ำแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ในพื้นที่การเกษตรของภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยแรงโน้มถ่วง
“กรมชลประทาน พร้อมบูรณาการร่วมกับ สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินโครงการโขง เลย ชี มูล ให้เป็นจริง เพื่อแก้ปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันภาคอีสาน มีพื้นที่การเกษตร 63.85 ล้านไร่ แต่เป็นพื้นที่ชลประทานเพียง 8.69 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 13.61 ของพื้นที่การเกษตร ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทานต่ำกว่าผลผลิตของพื้นที่ชลประทานถึง 1 ใน 3 นอกจากนี้ยังประสบปัญหาดินเค็มถึง 10.48 ล้านไร่ ด้วย จำเป็นต้องเร่งขยายพื้นที่ชลประทาน เพื่อสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำ ซึ่งหากเพียงพอแล้ว รายได้ของคนอีสานจะเพิ่มขึ้นสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแน่นอน” นายเฉลิมเกียรติ กล่าว
สำหรับโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล ที่ จ.เลย เนื่องจากมีมูลค่าลงทุนสูงมาก จึงต้องแบ่งออกเป็น 5 ระยะ โครงการระยะที่ 1 มีเป้าหมายส่งน้ำไปยังพื้นที่บางส่วนของโขง และชี เติมน้ำลงเขื่อนอุบลรัตน์ เพิ่มพื้นที่ชลประทาน 1.69 ล้านไร่ ครอบคลุม 7 จังหวัด 27 อำเภอ ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย ชัยภูมิ และกาฬสินธุ์ มูลค่าลงทุนประมาณ 157,045 ล้านบาท ระยะเตรียมการ 3 ปี ก่อสร้าง 6 ปี รวม 9 ปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
ทั้งนี้ เขื่อนอุบลรัตน์ ในปีนี้น้ำแห้งขอดมีปริมาณน้ำเหลือเพียงแค่ 450 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เป็นปริมาณน้ำที่ติดก้นอ่างฯ เท่านั้น ทั้งที่เขื่อนแห่งนี้จุระดับกักเก็บได้ถึง 2,431 ล้าน ลบ.ม.และมีความจุสูงสุด 4,640 ล้าน ลบ.ม.จึงยังมีพื้นว่างที่จะเติมน้ำได้อีกจำนวนมาก หากนำน้ำจากแม่น้ำโขง ช่วงฤดูน้ำหลากมาเติมไว้ ปัญหาขาดแคลนน้ำจะไม่เกิดขึ้น และยังจะมีน้ำไปเติมเต็มให้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กที่รัฐบาลได้เร่งสำรวจเพื่อก่อสร้างอีกด้วย ซึ่งจะสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับพื้นที่ได้ตลอดทั้งปีอย่างแน่นอน
โครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล หากจะพัฒนาให้เต็มศักยภาพ ก็จะสร้างอุโมงค์ส่งน้ำ 17 แถว คลองส่งน้ำสายหลัก 6 สาย ระยะทางรวม 2,273 กิโลเมตร สามารถเพิ่มปริมาณน้ำในลุ่มน้ำโดยผันน้ำจากแม่น้ำโขงเข้ามาได้ถึง 29,881 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี ทำให้มีพื้นที่รับประโยชน์ครอบคลุมถึง 20 จังหวัด 281 อำเภอ ส่งน้ำให้พื้นที่ชลประทานฤดูฝนได้ 33.57 ล้านไร่
ทั้งนี้ สามารถแบ่งเป็นพื้นที่ส่งน้ำด้วยแรงโน้มถ่วง 21.73 ล้านไร่ และพื้นที่ส่งน้ำด้วยระบบสูบน้ำอีก 11.84 ล้านไร่ ส่วนพื้นที่ชลประทานฤดูแล้งส่งน้ำให้ได้ 11.15 ล้านไร่ มีผู้ได้รับประโยชน์ในภาคการเกษตร 1.44 ล้านครัวเรือน หรือ 5.71 ล้านคน สร้างรายได้ภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 85,672 บาท/ครัวเรือน/ปี ลดความเสี่ยงจากฝนตกล่าช้าและฝนทิ้งช่วง ส่งน้ำให้พื้นที่วิกฤติแห้งแล้งและส่งน้ำยากได้อย่างทั่วถึง
รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาภัยแล้งยั่งยืนของภาคอีสาน ค่อนข้างยากกว่าภูมิภาคอื่น เนื่องด้วยลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสูง พื้นที่เหมาะสมกับการสร้างอ่างเก็บน้ำมีน้อย ปัจจุบันได้ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งหลายโครงการ ทั้งในพื้นที่ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล และลุ่มน้ำโขง มีการสำรวจพื้นที่พัฒนาโครงการขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นฝาย แก้มลิง ประตูระบายน้ำ กระจายตามลุ่มน้ำต่างๆ แต่แก้ปัญหาได้ในพื้นที่แคบๆ เท่านั้น ถ้าปีไหนฝนตกน้อย หรือฝนทิ้งช่วง ปริมาณน้ำที่กักเก็บไว้จะไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงจำเป็นต้องมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่มารองรับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี