สาวระยองช็อก! อยู่บ้านดีๆ ก็เจอหมายศาลแจ้งเป็นหนี้ธนาคาร 1.5 ล้านบาททั้งๆ ที่ตนเองไม่เคยกู้เงินมาก่อน แถมยังโดนหักเงินเกลี้ยงบัญชี
วันที่ 18 ก.พ.พ.ต.ท.สุทัศน์ ปะสิ่งชอบ สารวัตรเวร สภ.ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง ได้รับแจ้งความจาก น.ส.เข็มทอง เหลืองอ่อน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 ม.6 ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยองว่าเงินในบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาแกลง อ.แกลง จ.ระยอง จำนวน 14,000.89 บาทได้หายไปจนเกลี้ยงบัญชี โดยมีหมายศาลแจ้งว่าเป็นหนี้ธนาคารที่กู้ยืมไปจำนวน 1.5 ล้านบาท ทำให้ตนตกใจมากเพราะไม่เคยกู้เงินกับธนาคารดังกล่าวเลย จึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดย น.ส.เข็มทอง เหลืองอ่อน ให้การว่าตนได้เปิดบัญชีกับธนาคารกสิกรไทย สาขาแกลง ระยองไว้เมื่อหลายปีก่อนโดยล่าสุดมีเงินในบัญชีจำนวน 14,000.89 บาท ต้องการถอนเงินมาใช้จ่าย ปรากฏว่า ไม่มีเงินเหลือในบัญชีเลยและยังได้รับหมายศาลส่งมาว่าให้ชำระหนี้สินจำนวน 1.5 ล้านบาท ที่กู้เงินจากธนาคารกสิกรไทย สาขานาจอมเทียน จ ชลบุรี เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ตนรู้สึกตกใจมาก จึงรีบเดินทางเข้าไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร สาขาแกลง ทันที
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ตรวจสอบข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ได้บอกว่าตนเป็นหนี้เงินกู้จำนวน 1.5 ล้านบาทที่ไปกู้กับธนาคารกสิกรไทย สาขานาจอมเทียน จ.ชลบุรี เมื่อ 4 ปีก่อนจริง เพราะมีหลักฐานการกู้ยืมเป็นชื่อและมีบัตรประชาชนของตนเองที่มีลายเซ็นต์กำกับไว้ถูกต้องด้วย ทางธนาคารจึงจำเป็นต้องหักเงินในบัญชีเป็นการจ่ายคืนเงินกู้ ทำให้เกิดความแปลกใจและตกใจเป็นอย่างมากจนเกือบช็อค เพราะไม่เคยกู้ยืมเงินกับธนาคารสาขาดังกล่าวเลย จึงให้ทางพนักงานตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
โดยพนักงานเปิดเผยว่า มีการกู้ยืมจริง จึงตรวจสอบไปยังสำนักงานส่วนกลาง ปรากฏว่าได้รับคำตอบว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารได้นำเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนของตนเองไปปลอมแปลงและทำการกู้เงินจำนวน 1.5 ล้านบาท และได้ถูกจับกุมแล้ว แต่ก็ไม่ได้ให้คำแนะนำ และรับผิดชอบเงินของตนเองที่หายไป จึงเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะกลัวว่าจะเป็นแพะ ต้องเป็นผู้ชดใช้หนี้สินที่ไม่ได้กู้ยืมมา และฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์กรณีการเซ็นต์รับรองสำเนาบัตรประชาชนต้องมีการระบุชัดเจนว่าใช้เพื่อทำอะไร เพราะตนเองมักจะไม่เคยระบุเพราะเห็นว่าเป็นธนาคารคงจะปลอดภัย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งเตรียมประสานทางธนาคารฯ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปทางธนาคาร แต่เจ้าหน้าที่ปฎิเสธให้ข้อมูล และแจ้งว่าทางผู้จัดการไม่อยู่ไปประชุมจึงไม่สามารถให้ข้อมูลและรายละเอียดอะไรได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ 4 ปีก่อนผู้เสียหายเคยให้เอกสารกับคนคนหนึ่งเพื่อไปทำธุรกรรมกับธนาคารกสิกรไทย สาขานาจอมเทียน จ.ชลบุรี และต่อมามีการตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ปลอมลายเซ็นไปกู้ยืมเงิน 1.5 ล้าน จนถูกจับกุมไปแล้ว ผู้เสียหายจึงคิดว่าเรื่องจบไปแล้วผ่านมาถึง 4 ปี กระทั่งมาถูกหักเงินในบัญชีทำให้ต้องมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานและต้องการให้ธนาคารคืนเงินที่หักไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี