"นายกฯ" ประชุมป้องปราม "โควิด-19" ชี้ควบคุมได้ แต่ห่วงยกระดับแพร่กระจายในพื้นที่ พร้อมดูแล ภาคท่องเที่ยว-อุตสาหกรรม วอน ปชช.อย่าตื่นตระหนก ด้านปลัดพาณิชย์ เร่งผลิตหน้ากากอนามัย พร้อมประสานร้านค้าปลีก วางจำหน่ายให้เพียงพอ ขณะที่ กทม. เปิดโรงเรียนสอนเย็บเอง
20 ก.พ.63 เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งสำคัญเกี่ยวกับความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ ซึ่งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวงร่วมหารือถึงมาตรการต่างๆ เรื่องแรกคือ การรับทราบสถานการณ์ที่ผ่านมา รวมทั้งมาตรการต่างๆ ที่เรามีในทุกมิติ ซึ่งได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ เราสามารถควบคุมได้ในระดับที่น่าพอใจ แต่ตนก็ยังห่วงและกังวลว่า
ถ้าการแพร่ระบาดเกิดระดับ 2 ไปถึงระดับ 3 มีการแพร่กระจายในพื้นที่ เราจะต้องมีมาตรการรองรับไว้ล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดความฉุกละหุกในการดำเนินการต่อไป และประเด็นสำคัญอีกเรื่องคือเรื่องการผลิตหน้ากากอนามัย การจัดจำหน่าย วันนี้ประชาชนก็ยังขาดแคลนอยู่ และอีกเรื่องที่รัฐบาล โดยครม.ได้เตรียมแผนการที่จะดูแลผู้ประการต่างๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากเรื่องการท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรม ต่างๆ ซึ่งมีผลกระทบทั้งหมด เพราะทั้งหมดเป็นห่วงโซ่เดียวกัน เมื่อเกิดปัญหาแล้ว ก็ต้องมาแก้ไขในภาพรวมเชิงบูรณาการภายในประเทศ ซึ่งคณะกรรมการที่ร่วมหารือในวันนี้ ถือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเข้ามาช่วยกันทำงาน ต้องขอขอบคุณทุกส่วนราชการอย่างมาก ที่สามารถร่วมมือแก้ปัญหาจนเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม เราต้องเตรียมมาตรการที่เหมาะสม
"ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก สิ่งที่รัฐบาลได้เตรียมมาตรการทั้ง3ข้อไว้ เป็นการคาดการณ์เผื่อไว้ในอนาคตเท่านั้น ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นเราก็ไม่ต้องปฏิบัติ ทั้งหมดมีหลักเกณฑ์การปฏิบัติไว้ชัดเจน เราต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เราไม่สามารถแก้ปัญหาในลักษณะที่ได้อย่างเสียอย่าง หรือได้อย่างแล้วเสียสองอย่าง รัฐบาลนี้จะไม่ทำแบบนั้น ขอร้องเพียงอย่างเดียวทุกฝ่ายอย่าตื่นตระหนก อย่าให้ข่าวบิดเบือน อย่าสร้างเฟกนิวส์ หรือเฮทสปีช เพราะจะทำให้การทำงานไปไม่ได้ทั้งหมด วันนี้ทุกคนเสียสละและทำหน้าที่ โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ และคงจะต้องทำต่อไปอีกจนกว่าสถานการณ์จะเกิดความเรียบร้อย วันนี้สถานการณ์ในประเทศไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เรายังสามารถที่จะรองรับได้อยู่ในปัจจุบัน ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบในเรื่องการท่องเที่ยว การประกอบการต่างๆ จำนวนมาก ในที่ประชุมครม.สัปดาห์ต่อไปมีหลายอย่างที่นำเสนอเข้ามาแล้ว ผมจะขอสรุปนำเข้าสู่การพิจารณาของครม.เพื่อหามาตรการปฏิบัติต่อไป" นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า เพิ่งเสร็จจากการประชุมติดตามสถานการณ์ไวรัส #covid19 ผมยืนยันว่าเราไม่มีการปิดบังหรือบิดเบือนตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทย ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าประเทศไทยมีมาตรการการป้องกันและควบคุมโรคที่ดี มีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกับกระทรวงสาธารณสุขว่าหากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้นต้องเตรียมการรองรับในเรื่องโรงพยาบาลและสถานพยาบาลให้เพียงพอ อีกทั้งเตรียมพร้อมในด้านเครื่องมือด้านการแพทย์ และหน้ากากอนามัย โดยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการสำรวจและผลิต ย้ำว่าขณะนี้สถานการณ์ของไทยอยู่ในระดับที่ 2 และอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ รวมทั้งผู้ป่วยที่รักษาอยู่ก็มีอาการที่ดีขึ้น โดยผู้ติดเชื้อยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทั้งนี้ปัจจุบันสถิติประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 7 โดยมีประเทศอื่นแซงไทยไปแล้ว
ขณะที่ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภายหลังมีการใช้มาตรการกำกับดูแลหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุมก็สามารถควบคุมดูแลสต๊อกต่างๆ ได้และมีการจำกัดการส่งออก โดยหลังประกาศใช้มาตรการมีการขออนุญาตส่งออก 32 ล้านชิ้น ซึ่งเทียบกับตัวเลขส่งออกปี 61 ที่ตลอดทั้งปี 67 ล้านชิ้น
โดยโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยมี 9 โรงงาน กำลังผลิตเดินเครื่องเต็มที่24 ชั่วโมง ผลิตได้ 35 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยเฉพาะช่วงนี้มีความต้องการสูงทำให้มีความต้องการซื้อมากขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ให้ผู้ผลิตส่งสินค้าเข้าสู้ระบบการจัดสรร ทำให้มีการบริหารจัดการกระจายให้กับโรงพยาบาลรัฐแล้วกว่า 3 ล้านชิ้น และกระจายร้านธงฟ้า 900 แห่งทั่วประเทศแล้วกว่า 2 ล้านชิ้น นอกจากนี้ได้ประสานร้านค้าปลีกที่มีสาขาทั่วประเทศอย่างเซเว่นอีเลฟเว่นและบิ๊กซี ให้ช่วยวางจำหน่ายกระจายไปทั่วประเทศและกำลังเจรจากับกลุ่มค้าปลีกอื่นๆ โดยยังจำกัดไม่เกิน 4 ชิ้นต่อคน อย่างไรก็ตามในภาวะมีความต้องการสูงบางที่จึงอาจขาดแคลนบ้าง แต่เรามีจุดจำหน่ายขอประชาชนติดต่อสอบถามมาได้ทางนักงานของกระทรวงพาณิชย์ทุกแห่ง โดยเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้มากขึ้น
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการยกระดับการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศว่า กระทรวงคมนามคมเฝ้าระวังท่าอากาศยานทั้งส่วนภูมิภาค และระดับประเทศทั้ง 6 แห่ง รวมถึงสถานีขนส่งสาธารณะต่างๆ และเพิ่มความถี่ในการฆ่าเชื้อโรคบนเครื่องบินโดยสาร รวมถึงรถสาธารณะต่างๆ เราเน้นย้ำให้การดำเนินการรัดกุม และมีความถี่มากขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนการขนส่งทางอากาศ ทางการท่าอากาศยาน มีการสนับสนุนเครื่องเทอร์โมสแกน ให้มีความเพียงพอ เพือติดตั้งช่องทางเข้าจากต่างประเทศให้มีความเพียงพอ โดย รมว.คมนาคมได้แจ้งไปยังกระทรงสาธารณสุขหากมีความต้องการเพิ่มเติม ให้สามารถสนับสนุนเพิ่มเติมได้ ส่วนการช่วยเหลือเยียวผู้ได้รับผลกระทบการเดินทางเส้นทางต่างๆขณะนี้ การบินไทย และไทยสมายได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแปลงการเดินทาง ในเส้นทาง ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้
ด้าน นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ในส่วนของสำนักแพทย์และสำนักอนามัย ได้มีมาตรการเฝ้าระวังในทุกเคส และป้องกันในกรณีที่อาจจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากขึ้น เช่น การเตรียมสถานที่รองรับคนป่วยที่เป็นผู้เฝ้าระวัง หากได้รับการประสานจากสธ. และอีกส่วนเรื่องของโรงพยาบาลสนาม ซึ่งขณะนี้กทม.ได้ดูไว้แล้วว่าจะให้อยู่ตรงไหน ขณะเดียวกัน กทม.กำลังผลิตหน้ากากอนามัยเอง โดยโรงเรียนฝึกอาชีพ กทม. 8 แห่งที่มีสอนการตัดเย็บ ซึ่งจะมีประชาชนมาร่วมทำด้วย ขณะนี้เราผลิตได้วันละ 1,000 ชิ้น เป็นหน้ากากอนามัยแบบผ้า สามารถซักได้ นอกจากนี้ เราจะไปสอนเจ้าหน้าที่และบุคคลากรในสำนักงานเขตต่างๆ ให้ทำใช้กันเอง รวมถึงยังทำการประชาสัมพันธ์เพื่อลดความตื่นตระหนกและสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน เช่น โปสเตอร์ คลิปวิดีโอการป้องกันตัวเอง คลิปสอนทำหน้าอนามัย ทำให้ประชาชนสามารถดูแลตัวเองได้ และมีกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งในแหล่งชุมชนและพื้นที่ที่สาธารณะในรูปแบบจิตอาสาทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะบริเวณรถไฟฟ้าที่มีคนพลุกพล่าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี